ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น เผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2560 มีรายได้รวม 440 ล้านบาท กำไรสุทธิ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51 ล้านบาท หรือ 239% ด้านผู้บริหาร “ภาสิต ลี้สกุล” เผยครึ่งปีหลังลุยประมูลงานเพิ่มประมาณ 10 โครงการ มูลค่ารวม 7 หมื่นล้านบาท และจ่อเซ็นสัญญาในไตรมาส 3 ประมาณ 2 พันล้านบาท ส่วนการลงนามในสัญญาก่อสร้างเหมืองแร่โพแทช คาดว่าเป็นปลายปีนี้
นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในงานวางระบบท่อ ธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี และธุรกิจพัฒนาโครงการและการลงทุน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2560 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 440 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51 ล้านบาท หรือ 239% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2 สูงถึง 38.6%
ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้าง 1,388 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 19.04 อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 2.23 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.74 เท่า และมีมูลค่างานในมือสิ้นไตรมาส 2/60 อยู่ที่ระดับ 5,929 ล้านบาท กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งมีกำไร 87 ล้านบาท เนื่องจากในใตรมาสแรกของปีนี้มีผลขาดทุน 40 ล้านบาท สาเหตุหลักจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังปี 2560 กลุ่มบริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ประมาณ 10 โครงการ ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน เช่น หน่วยงานราชการต่าง ๆ และกลุ่มบริษัทของ บมจ. ปตท. มูลค่าโครงการรวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยในเดือนสิงหาคมนี้ สหการวิศวกร ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการเข้าประมูลงานรถไฟรางคู่ 4 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท และในไตรมาส 3/60 คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญางานใหม่ ประมาณ 1,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการสาธารณูปโภค
ส่วนโครงการก่อสร้างโครงการเหมืองแร่โพแทช Turnkey Delivery of APOT Project Package 2. Surface Processing and Facilities ซึ่งบริษัทฯ ได้รับ Letter of Award จากบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 มูลค่างาน 142,027,205 เหรียญสหรัฐ 416,000,784 ยูโร และ 12,433,389,522 บาทนั้น ในเดือนพฤษภาคม 2559 และมีนาคม 2560 บริษัทฯ ได้รับงานเร่งด่วน Early Works I และ II มูลค่างานรวม 3,002 ล้านบาท ส่วนงานที่เหลือของโครงการ ประมาณ 31,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญารับเหมาก่อสร้างได้ภายในสิ้นปีนี้