นายแบงก์จับตาภาวะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังอ่อนไหว ส่งผลอนุมัติสินเชื่อรายย่อยเข้มงวด ระบุปัจจัยที่ท้าทายธนาคารพาณิชย์ปีนี้มาจากการที่ ธปท. ออกกฎเกณฑ์ใหม่ เพื่อดูแลสถาบันการเงินว่าจะมีผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์อย่างไรบ้าง
นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยและเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยังติดตามภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงที่เหลือของปี เพราะแม้เศรษฐกิจไทย 6 เดือนที่ผ่านมา จะมีสัญญาณดีขึ้น แต่ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง เศรษฐกิจยังมีความอ่อนไหว
ดังนั้น การปล่อยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง ซึ่งธนาคารมีเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่ออย่างรัดกุมมาหลายปีแล้ว โดยจะพิจารณาจากรายได้ของผู้ขอสินเชื่อเป็นหลัก เน้นลูกค้าที่มีรายได้สูง มีภาระการผ่อนชำระเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้ได้ลูกค้าคุณภาพดี ซึ่งที่ผ่านมา อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัย อยู่ประมาณร้อยละ 50 ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล อยู่ที่ประมาณร้อยละ 30 ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์จะควบคุมไม่ให้เกินร้อยละ 2 ส่วนเอ็นพีแอลสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่เกินร้อยละ 3
นายพงษ์อนันต์ ยังกล่าวว่า ปัจจัยที่ท้าทายธนาคารพาณิชย์ปีนี้มาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อดูแลสถาบันการเงินว่าจะมีผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์อย่างไรบ้าง เช่น เกณฑ์การควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ ธปท.ประกาศออกมามีผลวันที่ 1 กันยายนนี้ คาดว่าจะกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อทั้ง 2 ประเภทของธนาคารกรุงศรีอยุธยาประมาณร้อยละ 2-3
ส่วนภาพรวมการปล่อยสินเชื่อรายย่อยช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเติบโตมากกว่าภาพรวมของตลาด โดยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 4-5 ทำให้มั่นว่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 8 ส่วนสินเชื่อบุคคลเติบโตมากกว่าร้อยละ 1 สูงกว่าภาพรวมตลาดที่ติดลบร้อยละ 2 ทำให้มั่นใจว่าสินเชื่อส่วนบุคคลปีนี้จะเติบโตได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ร้อยละ 2
"ครึ่งปีหลัง 2560 กรุงศรีจะเน้นการสร้างความเติบโตทั้งด้านเงินฝาก การลงทุน และสินเชื่อ โดยมีการจัดตั้งสายงานกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายย่อยขึ้นมาเพื่อดูแลและสนับสนุนลูกค้าเซ็กเม้นท์นี้ให้เติบโต พร้อมปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อให้ยืดหยุ่นตามศักยภาพของลูกค้าโดยมีทีมพิจารณาสินเชื่อสำหรับลูกค้าในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ" นายพงษ์อนันต์ กล่าว