ธปท. ยอมรับหนี้เสียฉุดกำไรแบงก์ จับตาแนวโน้มหนี้เสียธนาคารพาณิชย์ หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวกระจุก แจงเกณฑ์คุมเพดานสินเชื่อส่วนบุคคลมีผลสัปดาห์หน้า
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. จับตาแนวโน้มหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์อย่างใกล้ชิด แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดย ธปท. ได้ปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปี 2560 และ 2561 ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ยอมรับว่ายังเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่กระจายตัว มีบางกลุ่มธุรกิจยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก่อนหน้านี้ จะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในไตรมาส 2/2560 ที่ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง
“หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นยังไม่น่ากังวล เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการตั้งสำรองสูง ทำให้กำไรในไตรมาส 2/2560 ลดลง” นายวิรไท กล่าว
นายวิรไท กล่าวยอมรับว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปีนี้ของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงกว่าไตรมาสที่ 1 เนื่องจากบางธนาคารมีสินเชื่อบุคคลขนาดใหญ่ที่เป็นหนี้เสีย จึงได้มีการตั้งสำรองสูงขึ้น ผลประกอบการจึงปรับลดลง ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์เฉพาะ ไม่น่ากังวล ขณะที่หนี้เสียที่ยังคงอยู่ในระดับสูงนั้น ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น แต่ยังไม่กระจายตัว
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขหนี้เสียจะปรับตัวลดลงได้หลังจากฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมั่นใจว่า ตัวเลขสำรองของธนาคารที่ยังมีอยู่สูง และกำไรของธนาคารพาณิชย์ที่ยังดีอยู่ จึงมั่นใจว่า สถานะของธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ยังดีอยู่
นายวิรไท กล่าวอีกว่า การปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน รวมทั้งการควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิต จะประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการเซ็นเห็นชอบในหลักการไปทั้งหมดแล้ว โดยเกณฑ์ควบคุมใหม่นี้จะไม่มีผลย้อนหลังกับลูกค้าที่ขอสินเชื่อไปก่อนหน้านี้
สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาท ยืนยันว่า เงินบาทแข็งค่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ไม่ได้แข็งค่าเฉพาะค่าเงินบาท โดยปัจจัยมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง