หุ้นน้องใหม่และเป็นตัวใหญ่สุดในรอบปี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BGRIM ประเดิมเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อวันพุธที่19 กรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นวันแรก ปรากฏว่า ไม่คึกคักอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้
ตลอดชั่วโมงซื้อขาย ราคาหุ้นขยับขึ้นลงในกรอบแคบๆ ก่อนปิดที่ราคา 16.90 บาท สูงกว่าจองเพียง 0.90 บาท หรือสูงกว่าจอง 5.62%
บี.กริมฯนำหุ้นจำนวน 716.90 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคาหุ้นละ 16 บาท โดยจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวน 65.10 ล้านหุ้น ซึ่งจะรับซื้อคืนหรือกรีนชู ออปชั่น หากราคาปรับตัวลงต่ำกว่าราคาจอง โดยอยู่ระหว่างขึ้นเครื่องหมาย ”ST”
กลไกกรีนชูออปชั่น เกือบทำงานตั้งแต่วันแรก เพราะราคาหุ้นถอยลงมายืนต่ำสุดที่16.50 บาท เหนือจองเพียง50 สตางค์ หลังเปิดที่ราคา17 บาท และขึ้นไปสูงสุดที่17.20 บาท
บี.กริมฯทุ่มงบสร้างภาพแหลกลาญ และความเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทางเลือก ทำให้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรเตอร์) รวมถึงฝ่ายบริหารบริษัทฯ หมายมั่นปั้นมือว่า
หุ้นตัวนี้จะเข้ามาสร้างสีสันในตลาดหุ้น นักลงทุนจะแห่เก็งกำไรอย่างคึกคัก ราคาหุ้นจะพุ่งทะยานอย่างร้อนแรง แต่ปรากฏว่า บรรยากาศเก็งกำไรเป็นไปอย่างเฉาๆ
ตลอดทั้งวัน ราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 16.50 บาทถึง 17.20 บาท ซึ่งมีช่องว่างการปรับตัวขึ้นลงเพียง70 สตางค์ มูลค่าการซื้อขายรวม 254.96 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าซื้อขาย 4,307.41 ล้านบาท
สาเหตุที่หุ้นบี.กริมฯนักลงทุนไม่ลุยสนั่นหุ้นบี.กริมฯ น่าจะเป็นเพราะราคาเสนอขายที่ 16 บาทนั้น เป็นราคาที่เต็มเพดานตามมูลค่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งคำนวณที่ค่าพี/อี เรโช หรือสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นที่ประมาณ 30 เท่าเศษ ช่องว่างในการเก็งกำไรจึงแทบไม่เหลือ
ราคาเสนอขายที่น่าจะสูงไปหน่อย ทำให้นักลงทุนไม่กล้าเล่น และแม้จะเก็งกำไรในกรอบแคบๆ ยังติดหุ้นกันไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม คนที่จองซื้อหุ้นบี.กริมฯไว้ ถือว่ายังไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัว อย่างน้อยก็ตอนนี้ เพียงแต่อาจไม่สมหวังดังตั้งใจเท่านั้น เพราะแต่ละคนอาจตั้งเป้าหมายโกยส่วนต่างกันหลายสิบเปอร์เซ็นต์
แต่กำไรได้เพียง 5% กว่า โดยไม่รู้ว่า อัตรากำไรระดับนี้จะรักษาไว้ได้หรือไม่ สำหรับการซื้อขายในวันต่อๆไป ซึ่งหุ้นจะถูกลดความน่าสนใจลงหลังจากการซื้อขายวันแรกผ่านไป
ครึ่งปีหลังจะมีหุ้นใหม่อีกนับสิบตัวทยอยเข้ามาซื้อขาย โดยอยู่ระหว่างตีฆ้องร้องป่าวขายหุ้นหลายตัว ซึ่งหุ้นน้องใหม่เหล่านี้ ต้องเหนื่อยแน่ สำหรับการวางแผนสร้างภาพและการประชาสัมพันธ์เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน
เพราะบี.กริมฯเป็นหุ่นน้องใหม่ตัวแรกที่เข้ามาซื้อขายในครึ่งปีหลัง แต่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดี และตั้งแต่ต้นปี หุ้นน้องใหม่กว่า10 ตัว ส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างความประทับใจให้นักลงทุน หลายตัวซื้อขายวันแรกหลุดจองด้วยซ้ำ
นักลงทุนคงเกิดอาการขยาดหุ้นใหม่บ้างล่ะ
ถ้าราคาไม่น่าสนใจจริง ถ้าขายแพงไป อาจไม่ได้รับความสนใจจองซื้อ และเมื่อเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้น อาจไม่ได้รับการตอบรับที่ดี เช่นเดียวกับหุ้นบี.กริมฯ
ถ้ารอได้ บริษัทจดทะเบียนใหม่ คงอยากเลื่อนแผนการนำหุ้นเข้าซื้อขายออกไปก่อน เพราะปีนี้บรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อ เสนอขายหุ้นราคาแพงๆไม่ได้ และเมื่อเข้าตลาดหุ้นการซื้อขายไม่คึกคัก
แต่เพราะหลายบริษัท "อั้น" ไว้ไม่อยู่ มีความจำเป็นต้องเร่งระดมทุน จึงต้องเข้าจดทะเบียน ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ซบเซา
บริษัทจดทะเบียนที่ตัดสินใจนำหุ้นเข้าซื้อขายในครึ่งปีหลัง ต้องกำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้จูงใจ เปิดช่องให้คนจองมีโอกาสเก็บกินส่วนต่างอย่างสมน้ำสมเนื้อ
อย่ากำหนดราคาหิน จนไม่เหลือช่องว่างทำกำไรให้นักลงทุนที่จองซื้อ เหมือนหุ้นน้องใหม่หลายตัวที่เข้าจดทะเบียนตั้งแต่ต้นปี
เพราะถ้าตั้งหน้าแต่จะโกย กำหนดราคาขายหุ้นไว้สูงเต็มเพดานตามปัจจัยพื้นฐาน ใครที่ไหนจะกล้าเข้าไปเล่นด้วย