บอร์ด “ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น” อนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 1,781.916 ล้านหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 7 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ราคา 0.25 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนราว 445 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 27 ก.ค. นี้ ก่อนจองซื้อและชำระเงินระหว่าง 21-25 ส.ค. เผยนำเงินไปใช้สำหรับรุกธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มสูบ หลังบรรลุข้อตกลงในการเข้าถือหุ้นสองบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกผลิตไฟฟ้า 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์
นางปิยะนุช รังคสิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้ดำเนินการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ครั้งที่ 1 จำนวน 1,781,916,535 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.10 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 7 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 0.25 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจองซื้อในวันที่ 2 สิงหาคม 2560 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย XR) ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 และกำหนดวันจองซื้อ และชำระค่าหุ้นในระหว่างวันที่ 21-25 สิงหาคม 2560
“การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในครั้งนี้จะมีมูลค่าระดมทุนประมาณ 445 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ ด้วยการลงทุนในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะการขยายไปสู่กิจการพลังงานทดแทน หลังจากที่ล่าสุด บริษัท เกียร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัทลูกของ TWZ ได้ตกลงเข้าถือหุ้นบริษัท บีม คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ชายน์ เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม ภาคสหกรณ์การเกษตร 2 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ขอนแก่น จำกัด และสหกรณ์ประมงจังหวัดบุรีรัมย์ จำกัด ซึ่งทั้งสองแห่งจับสลากได้ และผ่านการคัดเลือกในการยื่นข้อเสนอขอขายไฟฟ้า โครงการละ 5 เมกะวัตต์ รวมเป็น 10 เมกะวัตต์ในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 แล้ว” นางปิยะนุช กล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมอีก 10 เมกะวัตต์ ถือเป็นการต่อยอดกับโครงการโซลาร์ฟาร์มโครงการแรก ซึ่งมั่นใจว่าจะสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคงให้กับ TWZ ในระยะยาวตลอดโครงการต่อไป
นางปิยะนุช กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นที่จะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทฯ มีพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญในการขยายธุรกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และช่องทางการตลาด โดยล่าสุด ได้เน้นการให้บริการร้านค้าเครือข่ายอย่างครบวงจรมากขึ้น รวมถึงการขยายไปสู่ธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคง และสม่ำเสมอ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทดแทน รวมถึงโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ TWZ ภายใต้โครงการเดอะ เพเซอร์ ที่ยังคงดำเนินการตามแผน และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
