xs
xsm
sm
md
lg

เล่นหุ้นปีนี้อย่าหวังรวย/สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


     ตลาดหุ้นไทยปิดฉากครึ่งปีแรก ภายใต้บรรยากาศการซื้อขายที่ไม่สดใส ผลตอบแทนไม่จูงใจเท่าใดนัก โดยไม่รู้ว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร มีแต่การคาดเดาเท่านั้นว่า การลงทุนจะคึกคักขึ้น
    ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดวันที่30 มิถุนายนที่ผ่านมาปิดที่ 1574.74 จุด เพิ่มขึ้น 31.80 จุด หรือเพิ่มขึ้นเพียง 2% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 ซึ่งดัชนีฯปิดที่ระดับ 1542.94 จุด
    ส่วนมูลค่าตลาดรวมหรือมาร์เก็ตแคป แทบไม่ขยับ โดยสิ้นปี 59 มีจำนวน 15.07 ล้านล้านบาท ปิดครึ่งปีแรกมาร์เก็ตแคปเพิ่มเป็น 15.61 ล้านบาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ระดับ 3.09% ใกล้เคียงกับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยฯเมื่อสิ้นปี 59 ซึ่งอยู่ที่ 3.04%
    สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์หรือค่าพี/อี เรโช ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการคำนวณความเหมาะสมของราคาตลาดหลักทรัพย์ คำนวณจากจุดปิดของดัชนีฯครึ่งปีแรกอยู่ที่ 16.32 เท่า ลดลงจากเมื่อสิ้นปี 59 ซึ่งค่าพี/อี เรโชเฉลี่ยอยู่ที่ 18.55 เท่า
    นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อหุ้นสุทธิรวมทั้งสิ้น 13,453 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิทั้งสิ้น 50,922 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,054 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 63,321 ล้านบาท

     ตลอด 6 เดือนแรก ตลาดหุ้นตกอยู่ในภาวะซบเซา มูลค่าการซื้อขายชะลอตัวลง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาทเศษต่อวัน โดยดัชนีฯแกว่งตัวในกรอบแคบๆ
    นักลงทุนต่างชาติที่คาดกันว่า จะขนเงินกลับเข้ามาลงทุน แต่ต่างชาติซื้อหุ้นน้อยมาก มีแต่กองทุนรวมในประเทศเท่านั้นที่พยายามผลักดันตลาดหุ้นให้คึกคัก อัดแรงซื้อเข้ามาตลอด แต่ทำได้เพียงแค่พยุงไม่ให้ตลาดหุ้นเกิดการทรุดตัวหนักเท่านั้น
    ค่าพี/อี เรโชเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ระดับ 16 เท่า แม้จะไม่สูงเกินไปนัก แต่ไม่ได้ต่ำจนสร้างแรงจูงใจการลงทุน นอกจากนั้นเศรษฐกิจยังเติบโตที่ต่ำ กำไรบริษัทจดทะเบียนอาจชะลอตัว นักลงทุนจึงไม่มีแรงกระตุ้นในการทุ่มเงินซื้อหุ้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย
    ผ่าน 6 เดือนแรกไปแล้ว แต่ทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นยังไม่ชัด ข่าวดีขาดแคลน ปัจจัยชี้นำไม่มี สถานการณ์ต่างประเทศเป็นปัจจัยกดดัน ทั้งราคาน้ำมันผันผวน นโยบายทรัมป์ที่ไม่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และแนวโน้มการขยับดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เงินทุนไหลออก

     ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศยังไม่มีอะไรที่ดีขึ้น การเมืองเริ่มไม่นิ่ง เศรษฐกิจยังฟุบ การบริโภคภายในประเทศซบเซาสุดขีด การลงทุนภาคเอกชนหยุดชะงัก มีเพียงการส่งออกเท่านั้นที่กระเตื้องขึ้น การลงทุนภาครัฐได้แต่หวังว่า ครึ่งปีหลังจะขยับขับเคลื่อนมากขึ้น
    นักวิเคราะห์บางคนประเมินว่า ดัชนีหุ้นฯสิ้นปีจะขยับขึ้นไปยืนที่ระดับ1650 จุด แม้จะไม่ไกลจากจุดปิดกลางปีเท่าใดนัก แต่เป็นตัวเลขที่ยังต้องลุ้นว่า จะถึงหรือไม่ เพราะไม่มีปัจจัยใหม่กระตุ้นและไม่มีข่าวดีที่รอคอย

     เป็นได้ว่า ตลาดหุ้นครึ่งปีหลัง อาจไม่แตกต่างจากครึ่งปีแรก โดยมีสภาพประคับประคองตัว ดัชนีฯขยับขึ้นลงในกรอบที่จำกัด ช่องว่างการทำกำไรแคบ และมีความเสี่ยงในความผันผวนอยู่
    นักลงทุนรายย่อย ครึ่งปีแรกเป็นพระเอก เพราะกำหนดกลยุทธ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ หุ้นขึ้นหน่อยก็ขายทำกำไร ขายไปแล้วก็รอจังหวะซื้อกลับ เมื่อราคาอ่อนตัวลง ซื้อแล้วหุ้นขึ้นไปใหม่ก็ขายอีก จึงพอหาค่ากับข้าวกันได้บ้าง
    กลยุทธ์การทำกำไรระยะสั้น ตอดทีละเล็กทีละน้อย ไม่โลภ ไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุน คงต้องใช้ต่อไปในครึ่งหลัง
เพราะปีนี้หุ้นไม่น่าจะเกิดภาวะบูมรอบใหญ่ๆ และดัชนีฯอย่างเก่งคงแกว่งขึ้นแกว่งลงแถวๆ1600 จุด
    เล่นหุ้นปีนี้อย่าหวังรวย เอาตัวรอดได้ถือว่าดีแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น