xs
xsm
sm
md
lg

เชียร์ปรับพอร์ตเพิ่มหุ้นไทย SCBAM เอาจริงใช้ AI ลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.ไทยพาณิชย์เชื่อเศรษฐกิจฟื้นหนุนลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงผลตอบแทนดี แนะปรับพอร์ตทำกำไรหุ้นต่างประเทศเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยเหตุกำไรดีราคาไม่แพง จับตากลุ่มธนาคารพาณิชย์ โทรคมนาคม ผลงานเด่น พร้อมเตรียมออกกองทุนใหม่ช่วงไตรมาส 3 ชู “ควอนท์ฟันด์” นวัตกรรมสุดเจ๋งใช้ AI เต็มรูปแบบช่วยลงทุน

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมจะขยายตัวดีขึ้นสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงนับเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน อาทิ แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ หรือเฟด มีเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่าง 1.25-1.50% ในปีนี้ จากระดับ 0.75-1.0% ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เฟดจะส่งสัญญาณทยอยลดวงเงินที่อัดฉีดเข้ามาในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่วิกฤตทางการเงินปี 2008 ขณะที่ปัญหาการเมืองยุโรปแม้จะมีความผ่อนคลายลงหลังการเลือกตั้งฝรั่งเศส แต่ในปีนี้ยังคงมีการเลือกตั้งในประเทศใหญ่ที่ต้องจับตา ได้แก่ เยอรมนี หรืออิตาลี ที่อาจจะจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองที่กำลังเริ่มคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม พบว่าราคาหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วมีการปรับตัวขึ้นไปล่วงหน้ามากกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาหุ้นในตลาดเอเชียถูกกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ และยุโรป

ทั้งนี้ หุ้นเอเชียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตสูงกว่าสหรัฐฯ แต่ราคาอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน ส่วนหุ้นไทยนั้นหากเปรียบเทียบกับหุ้นในภูมิภาคเดียวกันและเพื่อนบ้านยังอยู่ในระดับที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีการเติบโตในระดับสูง โดยบริษัทเชื่อว่าจะเป็นโอกาสดีหากนักลงทุนจะทยอยทำกำไรหุ้นต่างประเทศและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้

“ปีที่แล้วหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปถึง 19% ซึ่งสูงกว่าเพื่อนบ้าน ถึงแม้ตอนนี้จะยังดูชะลอลงแต่เชื่อว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโตในระดับ 9-10% จะส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก และบริษัทมีมุมมองในแง่บวกต่อหุ้นไทยไปถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากมีการเติบโตของกำไรแต่ราคายังไม่สะท้อนออกมาเหมือนภูมิภาคอื่น โดยหากมองไปข้างหน้าถึงปี 2018 คาดว่าหุ้นไทยน่าจะมีอัปไซด์ได้มากกว่า 15% ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนจะอยู่ในกลุ่มโทรคมนาคม และธนาคารพาณิชย์” นายสมิทธ์กล่าว

นายสมิทธ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) 1,346,534 ล้านบาท และยังคงเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 20.2% เติบโตจากสิ้นปี 2559 คิดเป็นอัตรา 3% ที่มี AUM รวม 1,307,408 ล้านบาท ประกอบด้วย ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 361,902 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 101,187 ล้านบาท และธุรกิจกองทุนรวม 883,445 ล้านบาท ซึ่งรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 145,241 ล้านบาท แบ่งเป็น 55,807 ล้านบาท และ 89,435 ล้านบาทตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม โดยหวังว่าจะสามารถช่วยลูกค้าในการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณอายุได้มากขึ้น โดยจะเน้นหนักใน 3 ด้านด้วยกัน แบ่งเป็น 1. การขยายฐานลูกค้า โดยจะมีการเดินสายให้ความรู้ในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง 2. ปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้า และ 3. การใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน

“เราปรับปรุงสินค้าของเรามาตลอด ทั้งเรื่องการรวมกอง และในส่วนของนวัตกรรมเราก็มีผลงานดีมาก อย่างกองอินคัมเดิมมียอดลงทุนไม่เท่าไรแต่ตอนนี้ขนาดโตขึ้นมาถึง 3 หมื่นกว่าล้านบาทแล้ว และในไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทจะออกกองทุนใหม่อีก โดยจะเป็นกองทุนที่ใช้นวัตกรรมการลงทุนที่บริษัทพัฒนาเองและน่าจะเป็นกองทุนแรกของไทยที่มีการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อการลงทุนเต็มรูปแบบ” นายสมิทธ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น