ก.ล.ต.ดองยาวคดีหุ้น

     คดีความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เงียบหายไปพักใหญ่แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประกาศความผิดเกี่ยวกับหุ้น 2 คดี มีทั้งการกล่าวโทษทางอาญา และการปรับในทางแพ่ง
     คดีแรก เป็นความผิดเกี่ยวกับการหาประโยชน์จากการนำข้อมูลภายในมาใช้ หรืออินไซด์เดอร์เทรดดิ้ง โดยกรรมการผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด(มหาชน)หรือหุ้น BLA ถูกปรับเป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 4.5 ล้านบาท
    คดีที่สอง เป็นความผิดเกี่ยวกับการอำพรางข้อมูลงบการเงิน เพื่อลวงให้นักลงทุนเข้าใจผิดในฐานะการเงินและการดำเนินงานของบริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด(มหาชน) หรือหุ้นAIE โดยกรรมและและผู้บริหารบริษัทฯ2 ราย ถูกกล่าวโทษ และส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ดำเนินคดีต่อ
    แม้ทั้งสองคดี ความผิดจะแตกต่างกัน แต่ช่วงที่กระทำความผิดอยู่ในระยะเวลาเดียวกันคือ ประมาณกลางปี 2557 หรือย้อนหลังไปประมาณ 3 ปี
    ทำไมก.ล.ต.จึงเพิ่งสรุปคดี ทำไมจึงเพิ่งปรับกรรมการ ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิตฯ
    และ ทำไมเพิ่งประกาศกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารบริษัท เอไอ เอนเนอร์จีฯ

     ทั้ง 2 คดี ไม่น่าจะมีความซับซ้อนอะไร ไม่น่าใช้เวลาที่ยาวนานในการสรุปสำนวนความผิด โดยการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายได้ทันที เมื่อเห็นความผิดปกติของราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขาย
     ส่วนการปิดบังอำพรางงบการเงินนั้น สามารถตรวจสอบงบการเงินได้เป็นรายไตรมาสอยู่แล้ว หรืองบการเงินรวมประจำปี อย่างมากน่าจะใช้เวลาเพียง1 ปี่เศษ
    แต่ทั้งสองคดีกลับใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี จึงปิดสำนวนได้ จนคดีเลือนหายจากความทรงจำของนักลงทุนแทบหมดแล้ว
 
    แม้กระบวนการดำเนินคดีความผิดในตลาดหุ้น จะรวดเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับอดีต เพราะในอดีตบางคดีใช้เวลาเกือบ 10 ปี จึงปิดสำนวน
    ปัจจุบันการปิดคดีหุ้นอาจใช้เวลา 3-5 ปี แต่ก็เป็นเวลาที่ยาวนานอยู่ดี และส่งผลกระทบต่อการปราบปราม พฤติกรรมผิดในตลาดหุ้น
    เพราะช่วงที่เกิดคดีหุ้น กระแสสังคมจะให้ความสนใจ ถ้าก.ล.ต.เร่งตรวจสอบ เร่งปิดสำนวน จะสะท้อนให้เห็นว่า การทำงานของก.ล.ต.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดตามและลงโทษผู้กระทำความผิดได้ในเวลาที่รอดเร็วทันใจ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการกำกับดูแลของก.ล.ต.
    และยังทำให้กลุ่มผู้กระทำความผิดในตลาดหุ้นเกิดความเกรงกลัว เพราะถ้าก่อคดีจะถูกเล่นก.ล.ต.เล่นงานทันที
 
     คดีอาชญากรรมร้ายแรง และอยู่ในกระแสความสนใจของสังคม แม้จะไม่มีเบาะแสคนร้ายมากนักในตอนแรก แต่หลายคดีตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ภายในเวลาไม่กี่วัน
    ส่วนความผิดในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมความผิดด้านใด มักจะมีเบาะแสทิ้งไว้ มักจะมีข้อมูลที่ตามตรวจสอบได้ แต่เหตุใดก.ล.ต.จึงใช้เวลาในการปิดคดียาวนานมาก
    นานจนลืมไปแล้วว่า หุ้นตัวไหนก่อพฤติกรรมผิดอย่างไร และสร้างความเสียหายนักลงทุนรุนแรงขนาดไหน
    ก.ล.ต.ต้องตระหนักว่า ความผิดในตลาดหุ้นทุกคดี เป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง เหมือนคดีอาชญากรรมทั่วไป และต้องเร่งตามจับอาชญากรในตลาดหุ้น
    ต้องตีเหล็กกำลังร้อน เร่งสรุปคดีหุ้น นำกลุ่มคนที่กระทำผิดมาเปิดโปง ขณะที่สังคมนักลงทุนกำลังสนใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันรุมประณามคนโกงในตลาดหุ้น

     ก.ล.ต.ควรทบทวนกระบวนการตรวจสอบ สอบสวน รวบรวมข้อมูลหลักฐาน และปฏิรูปขั้นตอนการดำเนินคดีหุ้นให้มีความกระชับฉับไว
    อย่าปล่อยให้คดีหุ้น ถูก “ดอง” ไว้เป็นปีๆ “เหมือนคดีอินไซด์หุ้นกรุงเทพประกันชีวิตและคดีอำพรางงบการเงินของบริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด
    เพราะกว่าก.ล.ต.จะกล่าวโทษได้ อาชญากรถูกปล่อยให้ลอยนวลอยู่หลายปี และอาจก่อคดีในตลาดหุ้น ทำร้ายนักลงทุนซ้ำแล้วซ้ำอีก