xs
xsm
sm
md
lg

เหตุ “โรคเลื่อน” จากงานภาครัฐระบาด “เนาวรัตน์พัฒนาการ” จ่อลดเป้ารายได้ลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เนาวรัตน์พัฒนาการ” เผยเตรียมปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้ลงจากเดิมที่คาดว่า จะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เหตุงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และงานรับช่วงต่อต่อมีการเลื่อนออกไป ส่งผลต่อการรับรู้รายได้ที่จะเข้ามา

นายวิสุทธิ์ สุวรรณวิทย์เวช รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บมจ. เนาวรัตน์พัฒนาการ หรือ NWR กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมพิจารณาปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้ภายในไตรมาส 3/2560 จากเดิมที่คาดรายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เนื่องจากงานภาครัฐ และงานที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ รวมถึงงานรับช่วงต่ออาจจะมีความล่าช้าออกไป หรือหลายงานมีการพลาดเป้าจากที่ประเมินไว้ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานใน 5 กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานหลัก เช่น โครงการงานท่าเรือ, งานโรงไฟฟ้า, งานระบบราง, งานก่อสร้างต่อเติมอาคารต่าง ๆ และงานเกี่ยวกับปิโตรเคมี เป็นต้น โดยมีมูลค่างานรวมทั้งสิ้นกว่า 69,835 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังจะได้รับงานไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท โดยจะทำให้บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานที่รับรู้แล้วในมืออยู่ที่ 12,716 ล้านบาท แบ่งเป็นงานที่เซ็นสัญญาแล้วจำนวน 10,874 ล้านบาท และงานที่ยังไม่เซ็นสัญญาอีกประมาณ 1,842 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้อย่างน้อย 50%

“เดิมบริษัทฯ คงเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งก็ได้มีการติดตามงานภาครัฐที่มีมูลค่าสูง โดยใช้เวลาดูงานของภาครัฐก่อนว่าจะออกมาได้ตามที่คาดเอาไว้หรือไม่ และหากมีความล่าช้า หรือการเข้าประมูลงานแล้วเกิดพลาดเป้าที่จะได้งาน ก็อาจจะมีการปรับลดการเติบโตของรายได้ในปีนี้ลง โดยในส่วนของแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2/2560 คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้จากไตรมาสแรกขาดทุน 6.54 ล้านบาท หลังจากสร้างโรงงานพรีคาสต์ จ. ชลบุรี เสร็จแล้ว จะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ตามออเดอร์แล้ว”

ขณะที่ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่า รายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ที่ประมาณ 5% จากปัจจุบันมียอดขายรอโอน จำนวน 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ยอดโอนในปีนี้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท โดยโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินร่วมกับบริษัท ซี.ไอ.เอ็น.เอสเตท จำกัด ซึ่งบริษัทย่อยของ NWR คือ บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 40% นั้น ปัจจุบันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย ได้แก่ ดิ อิสระ ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท คาดว่าจะขายได้หมดในปีนี้, อิสซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท ขายไปแล้ว 77% โอนแล้ว 67%, และบ้านอิสสระ บางนา มูลค่า 2,600 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการสร้างบ้านตัวอย่าง คาดปลายปีนี้ หรือต้นปี 61 จะดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งคาดปีนี้จะสามารถรับรู้ยอดโอนของบริษัท ซี.ไอ.เอ็น.เอสเตท จำกัด ได้ประมาณ 200 ล้านบาท
 
ด้านโครงการที่บริษัทฯ ดำเนินการพัฒนาเอง คือ วิลล่า บารานี มูลค่า 630 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการขายได้หมดภายในต้นปีหน้า ส่วนโครงการที่ดำเนินการโดยบริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด ได้แก่ บารานี พาร์ค มูลค่า 1,000 ล้านบาท ขายไปแล้ว 27% โอนแล้ว 6%, เอสเพน คอนโด ลาซาน (เฟส A) มูลค่า 780 ล้านบาท ขายไปแล้ว 81% คาดว่าจะเริ่มโอยได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/60, เอสเพน คอนโด ลาซาล (เฟส B) มูลค่า 750 ล้านบาท ขายไปแล้ว 39.7% คาดจะสามารถเปิดให้ลูกค้าเข้ามาตรวจห้องได้ในปลายปี 61 และบารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต คลอง 3 มูลค่า 850 ล้านบาท ขายไปแล้ว 13% โอนแล้ว 5% โดยอยู่ระหว่างเร่งการขาย คาดว่าปีนี้น่าจะปิดยอดขายได้ตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นหลักที่ 90% ส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างน่าจะปรับตัวลดลง มาอยู่ที่ราว 80-90% โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอาหาร น่าจะมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจอาหารที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนนั้น โดยจะเน้นรูปแบบอาหารเพื่อส่งออก ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างส่งสินค้าให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบ และอนุมัติ, ขนมและอาหารทานเล่นที่ขายในประเทศ ก็อยู่ระหว่างทดลองขาย และร้านอาหารไทย ที่คาดในปีนี้จะได้เห็นร้านอาหารดังกล่าว จำนวน 2 แห่ง โดยวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 20 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้น่าจะยังน้อยอยู่

“ภาพรวมอุตสาหกรรมการก่อสร้างในปีนี้ยังคงมีการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะโครงการภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างติดตามงานอย่างต่อเนื่อง เช่น กระทรวงคมนาคม มีแผนที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น รถไฟ, มอเตอร์เวย์, รถเมล์, การใช้ระบบตั๋วร่วม (e-Tickets) คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในปีนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มองการลงทุนของภาครัฐในอนาคตในช่วง 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตมากขึ้น จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ที่น่าจะยกระดับการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการลงทุนของภาคเอกชนที่จะตามมา”
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดอายุ และใช้เสริมสภาพคล่อง และรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น