สคร. ชี้แจงกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) ไม่ได้ใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง และไม่มีนโยบายให้ธนาคารรัฐปล่อยกู้ให้สหกรณ์ซื้อกองทุน
นายสุธารักษ์ ธีร์จันทึก ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนรัฐวิสาหกิจ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ตามที่สื่อเผยแพร่ข่าวสารเรื่อง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป, อดีตสมาชิกวุฒิสภา, และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรียกร้องนายกรัฐมนตรีถึงการใช้วิธีเล่นแร่แปรธาตุกับกองทุน TFF ที่มีผลตอบแทนสูงประมาณร้อยละ 6 ต่อปี เพื่อนำเงินกองทุนไปใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น แต่กลับถูกกรมส่งเสริมสหกรณ์กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง นำมาดำเนินการผิดวัตถุประสงค์
ทั้งนี้ สคร. ขอชี้แจงว่า การนำกองทุน TFF มาดำเนินการผิดวัตถุประสงค์การจัดตั้งไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกองทุน TFF จัดตั้งขึ้นตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. 8/2559 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้ง และจัดการกองทุน TFF ลงวันที่ 27 เมษายน 2559 ซึ่งกองทุน TFF จะถูกกำกับให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น การเปิดเผยข้อมูล และสามารถตรวจสอบได้ภายใต้หลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่ ก.ล.ต. กำหนด
ส่วนการนำโครงการรถไฟความเร็วสูงมาระดมทุนผ่านกองทุน TFF นั้น การจัดตั้งกองทุน TFF ไม่ได้นำโครงการรถไฟความเร็วสูงมาระดมทุนผ่านกองทุน TFF เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 เห็นชอบให้นำโครงการโครงสร้างพื้นฐานของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) 2 โครงการมาระดมทุนผ่านกองทุน TFF ได้แก่ โครงการทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) และโครงการทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ซึ่ง กทพ. จะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการทางพิเศษพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 E-W Corridor ด้านตะวันออกเท่านั้น
สำหรับการให้ธนาคารรัฐ 3 แห่งปล่อยกู้ให้กับสหกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นเจ้าหนี้สหกรณ์คลองจั่น 30,000 ล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังไม่ได้มีนโยบายให้ธนาคารรัฐทั้ง 3 แห่ง ปล่อยกู้ให้แก่สหกรณ์ต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน TFF ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากสหกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนักลงทุนสถาบันจะพิจารณาลงทุนในกองทุน TFF จะต้องเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของแต่ละแห่ง รวมทั้งจะต้องพิจารณาผลตอบแทน และความเสี่ยงของการลงทุนควบคู่กันไป ซึ่งเป็นอำนาจของสหกรณ์โดยแท้ในการส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสังคมของบรรดาสมาชิกสหกรณ์