บอร์ด กทพ.เคลียร์ปม TFF ลงทุนด่วน “พระราม 3-ดาวคะนอง” ใหม่ ปรับรูปแบบเปิดกว้าง “กู้-PPP-TFF-BTO” “ประธานบอร์ด” เผยพร้อมทำทุกแนวขอแค่รัฐบาลสั่งมา หวังเร่งอนุมัติเพื่อเดินหน้าออก พ.ร.ฏ.เวนคืนและทำ TOR ขณะที่ปีแรกคาดใช้เงินไม่มากแค่ 3 พันล้าน ยอมรับ TFF มีต้นทุนการเงินมากกว่า ปีที่ 2, 3 กระทบกระแสเงินสด ซึ่ง สคร.เตรียมแผนรับมือไว้แล้ว พร้อมประสาน ทล.ขอหนังสือยันให้ใช้พื้นที่เขตทาง
พล.อ.วิวรรธน์ สุชาติ ประธาน คณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทางพิเศษ สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนฯ ด้านตะวันตก ระยะทาง 16.92 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 32,000 ล้านบาท ว่า จากที่กระทรวงคมนาคมได้ส่งเรื่องกลับมาให้ กทพ.ดำเนินการเพิ่มเติมเรื่องการใช้พื้นที่เขตทางของกรมทางหลวงบนแนวถนนพระราม 2 และรูปแบบการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมา กทพ.ได้ประสานกับกรมทางหลวงในการใช้พื้นที่แล้ว แต่เพื่อความมั่นใจและไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนการก่อสร้างทางพิเศษบูรพาวิถี บนถนนบางนา-ตราด จะขอให้กรมทางหลวงทำหนังสือยืนยันอนุญาตก่อสร้างบนพื้นที่เขตทาง และจะส่งเรื่องไปกระทรวงคมนาคมภายใน 2 สัปดาห์
ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น บอร์ด กทพ.ยังคงยืนยันใช้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ซึ่งที่ผ่านมา กทพ.ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อย่างใกล้ชิดมาระยะหนึ่ง แม้ว่ารัฐบาลไม่ได้บังคับให้ใช้กองทุน TFF แต่ กทพ.พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ซึ่งกรณีที่สำนักงบประมาณมีความเห็นว่าการใช้กองทุน TFF จะทำให้เกิดต้นทุนสูง ประเด็นนี้ สคร.ได้วางแผนแก้ไขไว้แล้ว โดยคาดว่าในปีที่ 2-3 กระแสเงินสดอาจจะไม่พอจ่าย ซี่งพร้อมจะสนับสนุนทางการเงินกับ กทพ.ตามปกติ
ทั้งนี้ โครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง มีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เพราะนอกจากจะแก้ไขปัญหาจราจรบนทางด่วนและหน้าด่านดาวคะนองแล้ว ส่วนของสะพานพระราม 9 ที่เปิดใช้งานมานานจำเป็นต้องได้รับการซ่อมบำรุงใหญ่ ซึ่งทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง วางแผนมาตั้งแต่ปี 2543 ถือว่าล่าช้า กทพ.จึงต้องพยายามผลักดัน โดยต้องการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติโครงการ เพื่อเริ่มขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และอนุมัติการออก พ.ร.ฎ.เวนคืนก่อน ส่วนแหล่งเงินนั้น กระทรวงการคลังยังมีเวลาพิจารณาอย่างน้อยอีก 6 เดือน เพราะยังไม่ได้ใช้เงินทันทีที่ ครม.อนุมัติ ซึ่งในปีแรกจะใช้เงินประมาณ 3,000 ล้านบาท
“เมื่อทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลังให้ทบทวน บอร์ดได้พิจารณาทั้งแนวทางTFF, การร่วมทุนเอกชน(PPP), ใช้เงินกู้, รูปแบบ BTO (ให้เอกชนก่อสร้างและหาแหล่งเงินทุนโดย กทพ.ผ่อนชำระภายหลัง) บอร์ดไม่เกี่ยงว่าจะลงทุนวิธีไหน หากไม่กระทบเพดานเงินกู้ก็ใช้เงินกู้เหมือนเดิม หรือจะใช้ TFF ที่เป็นเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าบ้าง ซึ่งรัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักแต่ละแนวทาง” พล.อ.วิวรรธน์กล่าว