xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำเข้ารถยนต์ร้องคลังปรับลดภาษี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - นายกสมาคมผู้นำเข้า และจำหน่ายรถยนต์ยื่นหนังสือถึง รมว. คลัง หวังให้พิจารณาปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ใหม่สูงสุดลงเหลือ 200% จากปัจจุบันที่เก็บ 328% ส่งผลให้มูลค่าภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐคิดเป็นครึ่งหนึ่งของราคาขายรถยนต์ ชี้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุนในระดับสูงจนหมดทางสู้กับรถยนต์ที่ผลิต และขายในประเทศ

นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ กล่าวหลังยื่นหนังสือถึง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณาปรับลดภาษีนำเช้ารถยนต์จากต่างประเทศว่า อัตราภาษีรถยนต์นำเข้าในปัจจุบันมีอัตราสูงอย่างมาก คือ ตั้งแต่ 187-328% ตามขนาดซีซีของรถยนต์ เป็นอัตราที่ใช้จัดเก็บมานานกว่า 30 ปีแล้ว ยกตัวอย่างเช่น กรณีของรถยนต์อัลฟาร์ด ซึ่งมีราคาขายอยู่ที่ 3,400,000 ล้านบาท แต่มีมูลค่าภาษีที่ต้องเสียเพิ่มอีกประมาณ 1,700,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของราคาขาย

ทั้งนี้ นายกสมาคมผู้นำเข้า และจำหน่ายรถยนต์ใหม่ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ในระดับสูงแต่เดิมนั้น เป็นไปเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สถานการณ์ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้น พวกตนจึงต้องการให้กระทรวงการคลัง พิจารณาปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ใหม่ลงมาบ้าง เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้ารถยนต์

อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงการคลังไม่รับข้อเสนอดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาแล้ว นายสมศักดิ์ ก็คาดว่า ผู้ประกอบการรถยนต์นำเข้าคงต้องหยุดดำเนินกิจการ เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันได้กับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ และรถยนต์ที่ประกอบในประเทศได้ ส่วนข้อเสนอขอให้ลดอัตราภาษีสูงสุดควรลดลงมาให้เหลือเท่าไหร่นั้น นายกสมาคมผู้นำเข้ารถยนต์และจำหน่ายรถยนต์ใหม่ บอกว่า อัตราภาษีสูงสุดไม่ควรเกิน 200% จากอัตราปัจจุบันที่กำหนดไว้ที่ 328% ทั้งนี้ เชื่อว่าปรับลดภาษีของรัฐบาลนั้น จะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่รัฐบาลจะยังคงอัตราการจัดเก็บภาษีรถยนต์ใหม่นำเข้าไว้ในระดับสูงเช่นในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายก็ต้องหาวิธีที่จะหลบเลี่ยงภาษี โดยหวังว่าจะช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจของตนลง

ส่วนสถานการณ์การด้านการซื้อขายรถยนต์นำเข้าใหม่ในประเทศนั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า ยอดการนำเข้ารถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศในปี 2559 จะมีทั้งสิ้นราว 4,000 คัน โดยลดลงจากยอดรวมการนำเข้าในปี 2558 ที่เคยมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 6,000 คัน และมีแนวโน้มว่า การนำเข้าจะยังปรับตัวลงเรื่อยๆ เนื่องจากการนำเข้ารถยนต์ทั้งคันมาจำหน่ายในประเทศ จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงอย่างมากจนทำให้ผู้ประกอบการไม่อาจทนแบกรับต้นทุน และต่อสู้กับรถยนต์ที่ผลิต และจำหน่ายในประเทศไม่ไหว
กำลังโหลดความคิดเห็น