คลังเตรียมแก้ 2 กฎหมายภาษี “อีคอมเมิร์ซและภาษีอีเพย์เม้นท์” เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ภายในเดือนนี้ หวังอุดช่องโหว่การรั่วไหลภาษี และสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้เสียภาษี “อภิศักดิ์” ระบุไม่ห่วง 3 กรมภาษีจัดเก็บรายได้ต่ำเป้าหมาย เหตุเป็นปัญหาทางเทคนิค
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า อธิบดีกรมสรรพากรเตรียมส่งเรื่องกฎหมายภาษีอีบิสเนส หรือภาษีอีคอมเมิร์ซ ให้พิจารณา เพื่อนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติ โดยจะเป็นกรอบกฎหมายอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมา การค้าขายผ่านระบบออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตสูงมาก มีวงเงินหมุนเวียนจำนวนมาก จำเป็นที่จะต้องมีกรอบดูแลเรื่องของภาษี เพื่อปิดช่องโหว่ของภาษีที่รั่วไหลจำนวนมาก และเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในระบบสังคม ให้มีความเท่าเทียมของทุกภาคธุกิจอยู่ในกรอบภาษีเดียวกัน
“ยอมรับว่าการเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซเป็นเรื่องยาก หลายๆประเทศก็ยังไม่สามารถที่จะเก็บได้ อธิบดีกรมสรรพากรเล็งแก้กฎหมาย 2 ฉบับ คือ ภาษีอีคอมเมิร์ซ ภาษีอีเพย์เมนต์ โดยประเด็นที่เสนอแก้ไข ต้องเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ ข้อมูลทุกด้านของการค้าขายผ่านออนไลน์เป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวของเงิน เม็ดเงินหมุนเวียน เพื่อประเมินรายละเอียดของการเสียภาษีให้ถูกต้องเป็นธรรม”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่อไปว่า การจัดเก็บภาษีของรัฐบาลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน ได้จัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งไม่น่าห่วงมากนัก เนื่องจาก 3 กรมจัดเก็บภาษี ประกอบด้วย กรมศุลกร, กรมสรรพสามิต, กรมสรรพากร มีการประมาณการราคาน้ำมันที่ใช้เป็นฐานในการจัดเก็บภาษีผิดพลาด ซึ่งเป็นเรื่องของเทคนิดที่จะมีการปรับปรุงแก้ไขได้ เช่น เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ใช้ฐานราคาน้ำมัน 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในการคำนวนเก็บภาษี แต่ราคาตามกลไกตลาดมีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และปีงบประมาณปี 2560 ประมาณการราคาน้ำมันอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ราคาจริงอยู่ที่ 44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งคาดว่าปีนี้อาจจะเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า ดังนั้น จะต้องเข้าแก้ไขด้านเทคนิคของการคำนวนภาษีน้ำมันให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด
อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีของกระทรงคลังที่น่ากังวลมากที่สุด คือ การรั่วไหล และความไร้ประสิทธิภาพของการจัดเก็บภาษี จึงจำเป็นที่จะต้องหากรอบ และแก้ไขกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับการค้าขายที่เป็นจริงมากที่สุด มีความเท่าเทียบเสมอภาคกัน พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพโดยการให้กรมสรรพากรเข้าไป