หุ้นบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK กลับสู่บรรยากาศของการเก็งกำไรที่คึกคัก เพราะมีข่าวให้นักลงทุนเล่นกัน โดยเฉพาะการดึงต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนเป็นพันธมิตร เพื่อนำ “นกแอร์” ผงาดสู่การแข่งขันในธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำอีกครั้ง
3 โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่นกแอร์เปลี่ยนไปแล้ว หลังการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด โดยการสละสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ทำให้กลุ่ม ”จุฬารกูร” ขยับขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ในสัดส่วน 28.93% ของทุนจดทะเบียน แซงการบินไทยที่กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถือหุ้นสัดส่วน 21.57% ของทุนจดทะเบียน
ในขณะนี้ต้องถือว่านายทวีฉัตร จุฬารกูร หลานชายแท้ๆของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สังกัดพรรคไทยรักไทย และนายณัฐพล จึงรุ่งเรืองกิจ ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของใหญ่สายการบยินนกแอร์อย่างเต็มตัว
แต่สายการบินนกแอร์ภายใต้อุ้งมือกลุ่มจุฬารกูรจะเป็นอย่างไร จะฟื้นตัวขึ้นหรือไม่ จะกลับมาสร้างผลกำไรได้เมื่อไหร่ คงต้องติดตามชมกันต่อไป
และไม่ควรผลีผลามตามแห่เก็งกำไรเสียก่อน เพราะนักลงทุนเคยเจ็บหนักกับการจองซื้อหุ้นตัวนี้มาแล้ว โดยติดดอยที่ราคาจอง 26 บาทอยู่
กลุ่มจุฬารกูรมีชื่อติดเข้ามาในทำเนียบตลาดหุ้น ประมาณกลางปี 2544 หลังจากการจัดสรรหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพราะชื่อนายทวีฉัตร จุฬารกูรติดอยู่ใน1 ของผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวนมาก และดูเหมือนจะได้รับการจัดสรรในโควตาผู้มีอุปการคุณด้วยซ้ำ จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่พักใหญ่
หลังจากนั้นกลุ่มจุฬารกูรก็เข้ามาเป็นนักลงทุนขาใหญ่ในตลาดหุ้น ทั้งการซื้อหุ้นระยะสั้น และการซื้อถือลงทุนยาวในหุ้นหลายตัว
กลุ่มจุฬารกูร ถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นับสิบแห่ง และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในหลายบริษัท เช่นบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีเอ็ด ยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
และยังถือหุ้นใหญ่บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด โบรกเกอร์ซื้อขายหุ้นที่มีกลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจที่ร้อนแรง
หุ้นที่กลุ่มจุฬารกูรเข้าไปถือ มักเป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแน่นหนา และบางบริษัทอาจจัดอยู่ในหุ้นประเภทเดียวกับนกแอร์ โดยปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอด้วยซ้ำ
การขยับขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เบียดบริษัท การบินไทยฯให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ2 ทำให้กลุ่มจุฬารกูรก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำหนดนโยบายนกแอร์ แต่ไม่มีหลักประกันว่า อนาคตสายการบินต้นทุนต่ำแห่งนี้จะสดใส
และไม่มีคำยืนยันว่า ผลดำเนินงานที่ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี จะพลิกกลับมามีกำไรเมื่อไหร่
หุ้นนกแอร์ที่ร้อนแรงขึ้นมาช่วงนี้ เพราะมีข่าวกระตุ้น จริงบ้างไม่จริงบ้าง และข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการก็มีไม่น้อย จึงต้องฟังหูไว้หู
การเปลี่ยนแปลงในนกแอร์ มีเพียงโครงสร้างผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่เปลี่ยนไป โดยกลุ่มจุฬารกูรเป็นหัวเรือใหญ่ แต่โครงสร้างการบริหารยังไม่เปลี่ยน ผลดำเนินงานยังไม่เปลี่ยน
จะตามแห่เก็งกำไรดูตาม้าตาเรือกันหน่อยเท่านั้น เพราะสัญญาณการพลิกฟื้น “นกแอร์”ยังไม่ชัดเสียทีเดียว ผลีผลามเขไปอาจเจ็บได้