บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.60 อนุมัติให้เข้าลงทุน 60% ในบริษัท เอชเอ็นซี เพาเวอร์ จำกัด (HNC) ผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันในเมล็ดปาล์ม อาหารสัตว์ ปุ๋ยอินทรีย์ และพลังงานทดแทน พร้อมกับการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการก่อสร้าง และพัฒนาโรงงาน รวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 4 เมกะวัตต์ (MW) คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 880 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าวจะแบ่งเป็นการเข้าทำรายการซื้อหุ้น 60% ใน HNC มูลค่า 280 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการภายในเดือนมิถุนายน 2560 หลังจากนั้น จะพิจารณาก่อสร้างโรงงานงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPOA) ขนาดกำลังผลิต 60/75 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 4 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 560 ล้านบาท หากคณะกรรมการพิจารณาแล้วมีความเป็นไปได้ ทางบริษัทคาดว่า จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปี 2560 และเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 1/62 ส่วนเงินลงทุนที่เหลืออีก 40 ล้านบาท จะใช้ชำระหนี้คืนเงินกู้ยืมกรรมการ
ปัจจุบัน HNC มีกำลังการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม 3,000 ตันต่อเดือน หรือ 36,000 ตันต่อปี และจัดจำหน่ายน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มดิบ กากเมล็ดในปาล์ม (อาหารสัตว์) ปุ๋ยอินทรีย์ โดยมีบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ริชฟิลด์ ออยล์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการยื่นขออนุญาตก่อสร้างโรงงาน CPOA โดยได้จัดทำประชาพิจารณ์ และได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำหรับกิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกันนี้ ชี้แจงสาเหตุที่บริษัท เอชเอ็นซี กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MAX ปัจจุบันยังไม่ได้เริ่มกิจการ เนื่องจากจะต้องดำเนินการพร้อมกับโรง CPOA เพื่อนำน้ำเสียจากโรงงานดังกล่าวมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า คาดว่าจะก่อสร้าง และขายไฟฟ้าได้ในช่วงกลางปี 62 โดยที่ตั้งโรงงาน และโรงไฟฟ้าอยู่ใน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
สำหรับแหล่งเงินลงทุนครั้งนี้จะมาจากเงินเพิ่มทุนที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน และแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน โดยบริษัทคาดหวังจะมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในระยะยาว ขณะที่การลงทุนดังกล่าวนับว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการ (Project IRR) 16.6% และยังเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวนโยบายที่สนใจในธุรกิจพลังงานด้วย
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าวจะแบ่งเป็นการเข้าทำรายการซื้อหุ้น 60% ใน HNC มูลค่า 280 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการภายในเดือนมิถุนายน 2560 หลังจากนั้น จะพิจารณาก่อสร้างโรงงานงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPOA) ขนาดกำลังผลิต 60/75 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 4 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 560 ล้านบาท หากคณะกรรมการพิจารณาแล้วมีความเป็นไปได้ ทางบริษัทคาดว่า จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปี 2560 และเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 1/62 ส่วนเงินลงทุนที่เหลืออีก 40 ล้านบาท จะใช้ชำระหนี้คืนเงินกู้ยืมกรรมการ
ปัจจุบัน HNC มีกำลังการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม 3,000 ตันต่อเดือน หรือ 36,000 ตันต่อปี และจัดจำหน่ายน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มดิบ กากเมล็ดในปาล์ม (อาหารสัตว์) ปุ๋ยอินทรีย์ โดยมีบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ริชฟิลด์ ออยล์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการยื่นขออนุญาตก่อสร้างโรงงาน CPOA โดยได้จัดทำประชาพิจารณ์ และได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำหรับกิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกันนี้ ชี้แจงสาเหตุที่บริษัท เอชเอ็นซี กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MAX ปัจจุบันยังไม่ได้เริ่มกิจการ เนื่องจากจะต้องดำเนินการพร้อมกับโรง CPOA เพื่อนำน้ำเสียจากโรงงานดังกล่าวมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า คาดว่าจะก่อสร้าง และขายไฟฟ้าได้ในช่วงกลางปี 62 โดยที่ตั้งโรงงาน และโรงไฟฟ้าอยู่ใน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
สำหรับแหล่งเงินลงทุนครั้งนี้จะมาจากเงินเพิ่มทุนที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน และแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน โดยบริษัทคาดหวังจะมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในระยะยาว ขณะที่การลงทุนดังกล่าวนับว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการ (Project IRR) 16.6% และยังเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวนโยบายที่สนใจในธุรกิจพลังงานด้วย