นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารมีกองทุนร่วมลงทุนทั้งหมด 3 กอง วงเงินกองทุนรวมทั้งสิ้น 1,290 ล้านบาท แยกเป็น 1.กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs กองทุนย่อยที่ 1 วงเงินกองทุน 500 ล้านบาท 2.กองทุนร่วมลงทุนพันธกิจ SMEs เชิงเกษตรและที่เกี่ยวข้อง วงเงินกองทุน 200 ล้านบาท และมติคณะกรรมการ ธพว.เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 ขยายวงเงินเป็น 290 ล้านบาท
และ 3.จัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs กองทุนย่อยที่ 2 วงเงินกองทุนรวม 500 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการ ธพว.เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2559 โดยเน้นร่วมทุน SMEs เป้าหมาย Start-up และ SMEs ขนาดย่อม และขนาดกลาง ใน S-curve 5 อุตสาหกรรมคลัสเตอร์ในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล โดยร่วมลงทุนรายละไม่เกิน 30 ล้านบาท ระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี และลงทุนไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียนกิจการ ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้คัดเลือกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เป็นทรัสตีทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารจัดการกองทุน และบริษัท พีพีเอ็ม แอ็ดไวเซอรี่ เป็นผู้จัดการทรัสต์ ทำหน้าที่บริหารจัดการกองทุนในปี 2560
สำหรับปี 2559 ที่ผ่านมา การร่วมลงทุนของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมกลุ่ม S-Curve ตามนโยบายรัฐบาล มีผู้ประกอบการ SMEs สนใจเข้าร่วมนำเสนอ (pitching) จำนวนรวม 75 ราย วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,298 ล้านบาท ซึ่งมีหลากหลายธุรกิจอยู่ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve แบ่งเป็น ด้านเกษตรแปรรูป (Food) 37% ด้านดิจิตอล (Digital) 27% ออโตเมชั่น (Automation) 20% เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative) 13% และสุขภาพ (Health) 3% ตามลำดับ ซึ่งคณะกรรมการร่วมลงทุน (Venture Capital Committee) ของธนาคารอนุมัติในหลักการร่วมลงทุนธุรกิจกลุ่ม Starup และ SMEs รวมทั้งสิ้น 20 กิจการ วงเงินรวม 345.20 ล้านบาท สามารถช่วยให้ก่อเกิดการจ้างงานเพิ่มประมาณ 400 ราย และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจประมาณ 1,070 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารร่วมลงทุนในระบบ Eco System ของกลุ่มธุรกิจ Starup ที่มีศักยภาพ และธุรกิจ SMEs เพื่อสนับสนุนการเสนอแนวความคิดการบ่มเพาะธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรม และสร้าง Co-Working Space และ Innovation Center ด้วย จำนวนเงิน 350 ล้านบาท