เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นวันนี้ (28 ธ.ค.) การซื้อขายยังเบาบางแนวโน้มดัชนีฯ วิ่งทั้งแดนบวก-ลบ แรงซื้อมีเป็นรายตัว แนะเลือกลงทุนสั้นๆ หุ้นเด่น PTTEP, KCE, HANA, GFPT, LPH, TISCO, FSMART
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (28 ธ.ค.) ตลาดหุ้นต่างประเทศฝั่งตะวันตกยังคงเดินหน้าต่อในคืนที่ผ่านมา ด้วยมุมมองด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอง และราคาน้ำมันที่หนุนให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น แต่ถึงกระนั้น กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีแต่ละตลาดจะบวกกันไม่มากนัก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ และแรงซื้อของนักลงทุนหลังผ่านช่วงวันหยุดยาวมา เมื่อพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นด้วย อาจเป็นสัญญาณลบต่อเงินลงทุนในประเทศต่างๆ นอกสหรัฐฯ ที่อาจขายหุ้นกันต่อ
อย่างไรก็ตาม ผลบวกจากดอลลาร์สหรัฐแข็ง (เงินสกุลท้องถิ่นอ่อนค่าลง) จะเป็นบวกต่อประเทศผู้ส่งออก รวมทั้งของไทย เมื่อเป็นเช่นนั้น ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น จึงเป็นทั้งบวก และลบในเวลาเดียวกัน ดังที่เห็นในวันที่ผ่านมา (27 ธ.ค.) ว่า นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทย 626 ล้านบาท แต่หุ้นกลุ่มส่งออก ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังได้อานิสงส์จากความมั่นใจว่า ผู้ผลิตน้ำมันจะทำการลดการผลิต (ส่งออก) น้ำมัน และตลาดจะจับตาดูวันที่ 13 ม.ค.ปีหน้า ที่ผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC + Non-OPEC) จะประชุมเพื่อกำกับดูแลข้อตกลงในเรื่องการลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่ตกลงกันไว้ ณ วันนี้ เรามองหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันว่า ยังเป็นบวกจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ WTI ที่มีโอกาสขึ้นแตะ 55 เหรียญสหรัฐ ในเร็วๆ นี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดยังได้อานิสงส์จากตัวเลขส่งออก และเงินบาทอ่อนค่า การประชุม ครม.วานนี้ (27 ธ.ค.) มีการอนุมัติในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นในตลาด คือ การเดินรถไฟฟ้า 1 สถานี (บางซื้อ-เตาปูน) ที่ให้ BEM เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนมาตรการของขวัญปีใหม่ 56 โครงการนั้น ไม่ได้ให้ผลในเชิงเศรษฐกิจอย่างมีนัย ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นคาดว่า ปริมาณการซื้อขายจะยังเบาบาง เพราะไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาในตลาด มูลค่าการซื้อขายน่าจะยังอยู่ในช่วง 2.5-3.0 หมื่นล้านบาท แรงซื้อหุ้นน่าจะน้อยลงกว่าวันก่อน ดัชนีฯ มีโอกาสที่จะวิ่งได้ทั้งแดนบวก-ลบ
“แม้น้ำหนักของปัจจัยบวกจะยังมากกว่าปัจจัยลบ แต่เรามองว่า แรงซื้อนั้นจะเป็นแบบ selective ในหุ้นบางตัว การเข้าลงทุนในวันนี้ จึงควรเลือกเล่นสั้นๆ ในหุ้นที่ตลาดเล่นกันไว้ก่อน โดยเราให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มส่งออก และกลุ่มน้ำมัน (ผู้ผลิต) ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ราคาขึ้นน้อย (laggard) นั้น อย่างเช่น กลุ่มธนาคาร-ที่อยู่อาศัย อาจถูกยกขึ้นมาเก็งกำไรในบางตัวสำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ PTTEP, KCE, HANA, GFPT, LPH, TISCO, FSMART”