บลจ.กรุงไทยเตรียมออกจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสารหนี้เอฟเอเอฟ 101 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 6 ธ.ค. 59 อายุ 1 ปี ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.27% ต่อปี ดังนั้นผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.70% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟเอเอฟ 101 (KTFF101) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2559 อายุ 1 ปี เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Emiratcs NBD PJSC ผลตอบแทนประมาณ 2% ต่อปี, Commercial Bank of Qatar Q.S.C., Abu Dhabi Commercial Bank 1.95% ต่อปี, Ahi bank QSC. 2.05% ต่อปี และ First Gulf Bank PJSC 1.90% ต่อปี ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.27% ต่อปี ดังนั้น ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.70% ต่อปี ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ส่วนแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศเริ่มชะลอลง มียอดขายสุทธิจำนวน 217 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปี อยู่ที่ 1.63% ต่อปี อายุ 5 ปี อยู่ที่ 2% และอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.62% ไม่เปลี่ยนแปลง ด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุ ตามความกังวลต่อนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ที่จะทำให้เงินเฟ้อและหนี้สาธารณะปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงโอกาสค่อนข้างสูงที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐฯ อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.12% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.83% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.36% ต่อปี
ราคาทองคำ ยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ เข้าใกล้แนวรับสำคัญแถวๆ US1,160 ต่อออนซ์ ระยะสั้นยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนอยู่ เพราะฉะนั้น นักลงทุนระยะยาวสามารถพิจารณาถึงจังหวะสะสมเพิ่มได้ ราคาน้ำมันดิบยังแกว่งตัวผันผวนหลังรีบาวนด์ขึ้นมาค่อนข้างแรง คาดว่าอาจยังอยู่ในกรอบเดิม คือ 40-50/bbl ผลของการประชุมในกรุงเวียนนาของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันน่าจะเป็นตัวตัดสินในทิศทางของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งที่ผ่านมาผลการเลือกตั้งทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นมาก และทำให้มีกระแสเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ไหลกลับเข้าไปในตลาดพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ มากขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะยังมีผลไปสักพักแม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรในค่าเงินดอลลาร์อยู่บ้าง ด้านการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันทั้ง OPEC และ Non-OPEC ยังตกลงลดเพดานการผลิตไม่ได้ ทำให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้นในตลาดน้ำมันดิบโลก หากตกลงกันไม่ได้จริงๆ อาจส่งแรงกดดันต่อตลาดเกิดใหม่ได้อีก ทั้งนี้ กองทุน KTFF101 อายุ 1 ปี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากนัก และต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ โทร. 0-2686-6100