ฟินันเซีย ไซรัส คาดผลประกอบการของ FN กลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงปี 2560 หลังรับรู้รายได้ของสาขาที่เปิดใหม่ พร้อมทั้งแผนการขยายสาขาเพิ่ม ประมาณการผลประกอบการกำไรสุทธิปี 2559 ไว้ที่ 209 ล้านบาท
คุณสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ นักวิเคราะห์จาก บล.ฟินันเซีย ไซรัส หรือ FSS ประเมินผลประกอบการของ บมจ. เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท หรือ FN คาดว่า แนวโน้มกำไรสุทธิจากผลประกอบการในไตรมาสที่ 4/2559 น่าจะเติบโตดี เทียบทั้งระหว่างไตรมาส และเทียบช่วงเดียวกันระหว่างปีก่อนหน้า ซึ่งถือว่าเป็นกำไรสูงสุดของปี เนื่องจากผลจากการตอบรับที่ดีมากของสาขาใหม่แห่งที่ 8 ที่อยุธยา รวมถึงอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการช้อปช่วยชาติ ในเดือน ธ.ค. โดย FSS ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ลดลงเล็กน้อยประมาณ 2.7% เทียบปีก่อนหน้า จากกำลังซื้อที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก และไม่มีการเปิดสาขาใหม่ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตโดดเด่นถึง 47% เทียบช่วงเดียวกับปีก่อนหน้าภายในปี 2560 โดยให้น้ำหนักต่อการเปิดสาขาใหม่เป็นหลัก จากทั้งการรับรู้รายได้เต็มปีของสาขาอยุธยา และยังมีแผนเปิด 2 สาขาใหม่ในปีหน้า
ทั้งนี้ ด้วยฐานที่ยังค่อนข้างต่ำของ FN ทำให้ยังมีช่องว่างในการเติบโตได้อีกมาก จากการเปิดสาขาใหม่, การแข่งขันที่อยู่ในระดับต่ำของธุรกิจ Outlet และความสามารถในการทำกำไรที่ทำได้โดดเด่นกว่ากลุ่มค้าปลีกอย่างมาก จึงคาดเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2560-2563 เฉลี่ยปีละ 28.7% CAGR ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก
“เราจึงเห็นว่า FN ควรเทรดที่ระดับ PEG สูงกว่าหรือเทียบเท่ากับกลุ่มค้าปลีก ซึ่งปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 1.7 เท่า ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2560 ขึ้นเป็น 10.2 บาท (อิง DCF, คิดเป็น Implied PEG 1.7 เท่า) จากเดิม 6 บาท (คิดเป็น PEG เพียง 1 เท่า) ทั้งนี้ ประมาณการของเรายังมี Upside หากบริษัทสามารถเปิดสาขาใหม่ได้มากกว่าสมมติฐานของเราที่ 2 แห่งต่อปี ที่ราคาเป้าหมายใหม่ของเรายังมี Upside 14% แนะนำซื้อลงทุน คาดกำไรไตรมาส 4/2559 จะกลับมาเติบโตเทียบระหว่างไตรมาสที่ได้ตามฤดูกาล โดยแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2559 น่าจะเติบโตทำจุดสูงสุดของปีไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท (+29% เทียบระหว่างไตรมาส หรือ +150% เทียบระหว่างปีก่อนหน้า)”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าต้องเผชิญกับบรรยากาศการใช้สอยที่ไม่สดใสนักในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมา แต่คาดได้รับการชดเชยทั้งหมดด้วยผลประกอบการที่ดีขึ้นในเดือน ธ.ค. ภายหลังเปิดสาขาใหม่แห่งที่ 8 ที่อยุธยา (17 พ.ย. 2559) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก นอกจากได้รับอานิสงส์จากวันหยุดยาวที่มากในช่วงเดือน ธ.ค.แล้ว มองว่า การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ FN Outlet เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงคาด FN จะได้รับประโยชน์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ (14-31 ธ.ค.) เพราะกลุ่มลูกค้าของบริษัทมีทั้งกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยว 50% และอีก 50% คือ กลุ่มลูกค้าชุมชนที่อยู่ในละแวกสาขา เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ไว้ที่ 142 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2.7% เทียบช่วงเดียวของปีก่อนหน้าในปี 2560 จะกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่น
“ทั้งนี้ การกลับมาเติบโตโดดเด่นในปี 2560 เราให้น้ำหนักกับการเปิดสาขาใหม่เป็นหลัก จากทั้งการรับรู้รายได้สาขาอยุธยาเต็มปีในปีหน้า และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีกอย่างน้อย 2 แห่ง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า สาขาเดิมน่าจะมีผลประกอบการที่อยู่ในทิศทางทรงตัวจากสถานการณ์กำลังซื้อที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว รวมถึงในแง่ของ Product Mix น่าจะทำได้ดีต่อเนื่อง จากทั้งสัดส่วนสินค้า House Brand ที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และยังมี Upside จากแผนนำเสนอสินค้าใหม่เข้าสู่ร้าน Outlet อย่างต่อเนื่อง กอปรกับฐานรายได้และกำไรของบริษัทที่ถือว่าค่อนข้างต่ำ จึงคาดเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีนี้ โดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ไว้ที่ 209 ล้านบาท (+47% เทียบกับปีก่อนหน้า)”
อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสะท้อนจุดเด่นที่เหนือกว่ากลุ่มค้าปลีก โดยคาดอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิช่วงปี 2560-2563 เฉลี่ยปีละ 28.7% CAGR ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก (ยกเว้น BJC ที่มีการควบรวม BIGC) กอปรกับจุดแข็งที่เหนือกว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม ทั้งความสามารถในการทำกำไร ด้วยสัดส่วนสินค้า House Brand ที่สูงกว่ากลุ่มมาก และการแข่งขันที่อยู่ในระดับต่ำของธุรกิจ Outlet เราจึงเห็นว่า FN ควรเทรดที่ระดับ PEG สูงกว่าหรือเท่ากับกลุ่มค้าปลีก ซึ่งปัจจุบันเทรดอยู่ทื่ 1.7 เท่า ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2560 ขึ้นเป็น 10.2 บาท (อิง DCF, คิดเป็น Implied PEG ที่ 1.7 เท่า) จากเดิม 6 บาท (คิดเป็น PEG เพียง 1 เท่า) ทั้งนี้ ประมาณการของเรายังมี Upside หากบริษัทสามารถเปิดสาขาใหม่ได้มากกว่าสมมติฐานของเราที่ 2 แห่งต่อปี ความเสี่ยงที่กำลังซื้อฟื้นตัวช้ากว่าคาด การท่องเที่ยวหดตัว และเปิดสาขาใหม่ต่ำกว่าเป้าหมาย