xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ ประเมินนโยบายทรัมป์อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสุด ต่อตลาดการเงินและตลาดหุ้นปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โบรกฯ ประเมินนโยบายทรัมป์ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสุดต่อตลาดการเงิน และตลาดหุ้นในปีหน้า คาดนักลงทุนปรับพอร์ตหนีความเสี่ยง แนวโน้มสัปดาห์นี้อยู่ในช่วงขาลง

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงตลาดการเงิน และตลาดหุ้นไทยในปี 2560 คือ นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อนโยบายต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศจนผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับขึ้นดอกให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายต่างประเทศที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อาจสร้างความขัดแย้งกับประเทศจีนจนตลาดเงิน และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยจะเกิดความผันผวนอย่างหนัก

“เรื่องนโยบายของทรัมป์ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสุดต่อตลาดเงิน และตลาดหุ้น เพราะเป็นตลาดที่รับรู้ข่าวสาร และเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว แต่น่าจะเกิดความผันผวนในไตรมาส 1/2560 เมื่อนักลงทุนทราบนโยบายที่ชัดเจนแล้วก็สามารถวางแผนการลงทุนได้ถูกต้อง ส่วนเรื่องของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่จะกระทบต่อเงินทุนไหลออกนั้น เชื่อว่า เฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในไตรมาส 2 ของปีหน้า หรือไม่ก็เป็นช่วงครึ่งหลังของปีหน้า”

ขณะที่ปัจจัยอื่นๆ ในต่างประเทศที่นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การเลือกตั้งผู้นำประเทศในกลุ่มประเทศอียู ที่หลายประเทศจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 เนื่องจากในระยะหลังประชาชนในกลุ่มอียู จะมีกระแสเรื่องชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากเหตุการณ์เบร็กซิต และกรณีของอิตาลี เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีนี้กองทุนต่างๆ ไม่กล้าที่จะทำวินโดว์เดรสซิ่ง หรือการทำราคาหุ้นให้ดูดีเพื่อโชว์นักลงทุน เนื่องจากช่วงนี้ดัชนีอยู่ในระดับที่สูง และไม่มั่นใจว่าในช่วงต้นปีหน้าตลาดหุ้นจะดีหรือไม่ เพราะยังมีหลายๆ ปัจจัยโดยเฉพาะต่างประเทศกดดันตลาดอยู่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในต้นปีหน้านักลงทุนน่าจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นอีกรอบเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก

นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ โบรกฯ คาดว่า ดัชนีน่าจะอยู่ในภาวะขาลง เพราะปริมาณการซื้อขายน่าจะเบาบางต่อเนื่อง โดยกรอบเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะอยู่ระดับ 1,480-1,520 จุด ซึ่งเป็นลักษณะของการซื้อขายในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี และอาจจะไม่ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) มากนัก เนื่องจากเม็ดเงินทยอยเข้ามาแล้วในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ กองทุนไม่น่าจะทำราคา (Window Dressing) ในช่วงสิ้นปี เนื่องจากดัชนีอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงแล้ว ส่วนกลยุทธ์แนะนำขึ้นขาย-ลงซื้อบริเวณกรอบล่างที่ 1,490 จุด และแนะนำขายถือเงินสดหากดัชนีลงต่ำกว่าแนวรับ 1,480 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น