“ศุภาลัย” โตสวนกระแส เผยยอดโอนกรรมสิทธิ์ปี 59 คาดเกินเป้าที่วางไว้ 22,000 ล้านบาท ปัจจัยแรงหนุนจากโครงการแนวราบที่ทำได้เกิน 13,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายคอนโดฯ ต่ำเป้าเล็กน้อย เหตุเลื่อนเปิดโครงการขนาดใหญ่ “ศุภาลัย โอเรียลทัล สุขุมวิท 39” มูลค่าเกือบหมื่นล้านไปเปิดต้นปี 60 พร้อมเปิดให้ลูกค้าวีไอพีจองซื้อห้องชุด แจงยอดลงทะเบียนเกือบพันราย แจงใช้งบจัดซื้อที่ดินไปแล้ว 6,000 ล้านบาท ลดลงจากเป้า 8,000 ล้านบาท เหตุการประกาศใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ทันปี 60
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจคาดว่า ในปี 2559 ศุภาลัยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวเลขของโครงการแนวราบที่สามารถทำได้เกินเป้ามาแตะระดับ 13,000 ล้านบาท จากเป้ายอดขายของโครงการแนวราบที่ 12,500 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ยอดขายโครงการแนวราบของศุภาลัย เติบโตมาโดยตลอดเฉลี่ย 20% ต่อปี ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม คาดว่าจะทำได้ประมาณ 11,000 ล้านบาท ขยับลงมาเล็กน้อยจากเป้าเดิม 12,000 ล้านบาท โดยตัวแปรหลักมาจากการเลื่อนเปิดโครงการขนาดใหญ่ “ศุภาลัย โอเรียลทัล สุขุมวิท 39” มูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท จากที่ขึ้นป้ายจะเปิดขายในวันที่ 1 ธ.ค.59 ขยับไปเปิดในต้นปี 60
“แม้ยอดขายในปีนี้อาจจะหย่อนลงเล็กน้อย จากที่วางไว้ 24,500 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อภาพรวมของศุภาลัย เนื่องจากเป็นการปรับเปลี่ยนการเปิดโครงการไปปีหน้า ซึ่งก็รวมถึงตัวเลขมูลค่าการเปิดโครงการในปีนี้ก็จะปรับลดลงจาก 34,000 ล้านบาท ลงมาระดับตัวเลข 25,000 ล้านบาท มีโครงการที่เปิดในปีนี้ 23 โครงการ จากเป้า 27 โครงการ แต่กระนั้น ตัวเลขสำคัญที่ปีนี้ออกมาดี คือ ยอดโอนกรรมสิทธิ์ ณ เดือน ธ.ค. สามารถทำเกินเป้าที่วางไว้ 22,000 ล้านบาท และตัวเลขยังไม่นิ่ง เนื่องจากยังเหลือการขายอีกหลายวัน” นายไตรเตชะ กล่าว
สำหรับแผนในปี 60 จะมีการเปิดตัวโครงการใหญ่ คือ “ศุภาลัย โอเรียลทัล สุขุมวิท 39” โดยจะเปิดให้ลูกค้าวีไอพีที่ลงทะเบียนก่อนสามารถเลือกจองห้องชุดได้ เนื่องจากผลตอบรับค่อนข้างดี มีผู้สนใจจองสิทธิเข้ามาเกือบ 1,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิมของศุภาลัย และเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย โครงการดังกล่าวพัฒนาบนเนื้อที่ 10 ไร่ ขนาดพื้นที่มีตั้งแต่ 39 ตารางเมตร (ตร.ม.) ไปจนถึง 355 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท ไปถึง 53 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของเพนต์เฮาส์ โดยตัวโครงการได้ยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการก่อสร้างคาดจะเริ่มได้ประมาณปลายปี 60 เนื่องจากยังติดเรื่องสัญญาเช่าอยู่
“ตัวเลขการเปิดโครงการทั้งหมดยังไม่สามารถระบุได้ เพราะรอบอร์ดอนุมัติ แต่มูลค่าโครงการทั้งแนวราบ และแนวสูงน่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกัน และจริงๆ แล้ว ตลาดแนวราบทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เราเติบโตดีในส่วนของการจัดซื้อที่ดินในปีนี้ ลงทุนไปแล้ว 6,000 ล้านบาท ลดลงจากเป้า 8,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยเรื่องราคาที่ดินที่สูงขึ้น บริษัทมีที่ดินรองรับพอสมควร และการเลื่อนประกาศใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่คาดว่าจะไม่ทันในปี 60”