“ธปท.” จับมือ “กสทช.” คุมเข้มธุรกรรมมือถือ ป้องกันล้วงข้อมูล และสร้างความเชื่อมั่น พร้อมยกระดับมาตรฐานแบบฟอร์มการกรอกข้อมูลของสถาบันการเงินให้รัดกุมขึ้น อุดช่องโหว่การเซ็นยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หลังมีการร้องเรียนจำนวนมาก พร้อมส่งหนังสือด่วนกำชับการออกซิมการ์ดใหม่ ต้องใช้บัตร ปชช.ตัวจริงเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตั้งแต่ตักเตือนถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงข่าวร่วมกันวานนี้ (20 ธ.ค.) ภายหลังการหารือเพื่อยกระดับความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
นายวิรไท กล่าวว่า ธปท.ได้ให้ฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินยกมาตรฐานแบบฟอร์มการกรอกข้อมูลของสถาบันการเงินใหม่ให้รัดกุมมากขึ้น เพื่ออุดช่องโหว่การเซ็นยินยอมของผู้ใช้บริการในการเปิดเผยข้อมูลบุคคล หลังจากมีข้อร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการเสนอขายบริการทางการเงิน ประกันชีวิตทางโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนมาก
นายฐากร กล่าวว่า กสทช.จะมีหนังสือด่วนที่สุดกำชับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ว่า การขอออกซิมการ์ดใหม่ การขอเปลี่ยนแปลงเจ้าของซิมการ์ด การขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ผู้ใช้บริการต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานกระบวนการพิสูจน์ตัวตน
ทั้งนี้ หากฝ่าฝืนจะได้รับโทษตั้งแต่ ตักเตือน ปรับ พักใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต และต้องรับความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการโอนย้าย หรือเปลี่ยนแปลงเลขหมายที่ไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ 2 หน่วยงานตกลงร่วมกันว่า ผู้ใช้บริการทางการเงินผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และพร้อมเพย์ จะได้รับการดูแลการใช้บริการทางการเงินอย่างรัดกุม โดยจะแจ้งให้สถาบันการเงินส่งข้อมูลเฉพาะเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น หากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าโดยที่ไม่ได้รับการยินยอม จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และถือเป็นความผิดส่วนบุคคลเท่านั้น
เลขาธิการ กสทช. ยังระบุว่า เพื่อการจัดระเบียบซิมการ์ดระบบเติมเงิน สำหรับผู้ที่เปิดใช้บริการซิมการ์ดใหม่ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง และสแกน ลายนิ้วมือ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด คาดว่าจะเริ่มเดือนมีนาคม 2560
