ศูนย์ข่าวขอนแก่น - แบงก์ชาติ ร่วมสำนักงานภาคอีสาน และสมาคมธนาคารไทยติวเข้มข้อมูลโครงการ “พร้อมเพย์” เตรียมรับการเปิดให้บริการต้นปี 60 ผ่านแอพพลิเคชั่น Mobile Banking เผยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการให้บริการธุรกรรมทางการเงินของแบงก์พาณิชย์ที่สะดวก รวดเร็วและประหยัดค่าธรรมเนียม
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่โรงแรมพลูแมน ราชาออคิดขอนแก่น นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) พร้อมด้วยสมาคมธนาคารไทย เดินสายจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการพร้อมเพย์ แก่ตัวแทนของธนาคารต่างๆ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนชาวขอนแก่น ให้เข้าใจและสามารถนำไปถ่ายทอดได้อย่างถูกต้อง ก่อนจะมีการเปิดให้ประชาชนเริ่มใช้ทำธุรกรรมระหว่างบุคคลได้ในไตรมาสแรกของปี 2560
โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการบริการรับ-โอนเงิน ที่สะดวก ประหยัด และปลอดภัย
นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธปท.กล่าวถึงโครงการพร้อมเพย์ จะเริ่มเปิดให้ใช้บริการในไตรมาสที่ 1 ของปี 2560 โดยประชาชนจะสามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งใช้เพียงหมายเลขโทรศัพท์ หรือ เลขบัตรประชาชนเท่านั้น โดยสามารถลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น Mobile Banking ทางเว็ปไซต์และตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ
ทั้งนี้ การใช้บริการ พร้อมเพย์ มีข้อดีในเรื่องของความรวดเร็ว ประหยัด และความปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยจากทางธนาคารสูงสุด นอกจากนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือค่าธรรมเนียมต่างๆที่ประชาชนทั่วไปเคยจ่ายจะถูกลงอย่างเห็นได้ชัด สามารถโอนเงินผ่านธนาคารได้ทุกธนาคาร
สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมพร้อมเพย์นั้น หากโอนเงินไม่เกิน 5,000 พันบาท จะไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่หากเกิน 5,000 - 30,000 บาท คิดค่าธรรมเนียม 2 บาท มากกว่า 3 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท คิดค่าธรรมเนียม 5 บาท และถ้ามากกว่า 1 แสนบาทจนถึงวงเงินสูงสุดที่ทางธนาคารนั้นๆกำหนด คิดค่าบริการ 10 บาท
อย่างไรก็ตาม บริการพร้อมเพย์ดังกล่าวไม่มีการบังคับให้ลงทะเบียนแต่อย่างใด และธนาคารที่ให้บริการนั้นไม่ใช่ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เป็นบริการทางเลือกใหม่ของแบงก์พาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้สนับและข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการจะไม่ถูกเปิดเผย เพราะมีกฎหมายควบคุมโดยทางแบงก์ชาติเป็นผู้ติดตามตรวจสอบอยู่เสมอ และหากมีผู้ประสงค์ร้ายรู้จักเลขบัตรประชาชน หรือเบอร์มือถือแล้วขโมยโทรศัพท์ไปก็จะต้องมี User Name และ รหัสผ่าน รวมทั้งรหัส OTP จึงจะสามารถโอนผ่านมือถือได้
ซึ่งแตกต่างจากการโอนตู้เอทีเอ็มที่ใช้แค่บัตรและรหัสบัตรก็สามารถโอนเงินได้แล้ว ซึ่งทางแบงก์ชาติรับรองความปลอดภัยด้วยมาตรฐานสูงสุด