ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งมั่นพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน และต่อยอดการเติบโตสู่ปี 2560 สร้างรากฐานแข็งแกร่งทั้งตลาดทุน เศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ ตามทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจไทยของรัฐบาล หลังปี 2559 แสดงความแข็งแกร่งในทุกมิติ
ด้านธุรกิจ ตลาดทุนไทยแสดงศักยภาพโดดเด่นต่อเนื่องในระดับประเทศ และภูมิภาค ทั้งสภาพคล่องขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 53,208 ล้านบาท (15 ธ.ค.)
การระดมทุนผ่าน IPO ปี 2559 เพิ่มมาร์เกตแคป 155,605 ล้านบาท
ฐานผู้ลงทุนเติบโตต่อเนื่องทั้งผู้ลงทุนบุคคล และสถาบัน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 53:47 ผ่านการทำงานร่วมกับ บล. บลจ. และพันธมิตร ในการขยายฐานผู้ลงทุน ส่งเสริมช่องทางลงทุน online เข้าถึงผู้ลงทุนทุกกลุ่ม รวมทั้งกิจกรรมอบรมความรู้ต่างๆ
ด้านคุณภาพ ส่งเสริมคุณภาพ บจ.ไทยโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพราะ บจ.ไทยเข้าคำนวณในดัชนี DJSI 14 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน พบว่า 30 บจ.ไทยได้รับคัดเลือกใน FTSE4Good ASEAN 5 Index จากทั้งหมด 78 บริษัท สูงสุดในอาเซียน
มีจำนวน “หุ้นยั่งยืน” ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) เพิ่มขึ้นเป็น 55 บริษัท จาก 51 บริษัทในปีแรก ขณะที่คะแนน ASEAN CG Scorecard เพิ่มต่อเนื่อง จาก 84 เป็น 87 คะแนน บรรษัทภิบาลของ บจ.ไทยมีคะแนน CGR เฉลี่ย 78% และ บจ.ไทยเข้าคำนวณในดัชนี MSCI เพิ่ม 5 บริษัท รวมเป็น 34 บริษัท รวมทั้งคว้ารางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ (IR) ดีเด่นสุดในระดับภูมิภาคถึง 14 รางวัลจาก 24 รางวัล
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับประสิทธิภาพระบบงานได้รับการยอมรับในระดับสากล
ระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศได้ใบรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2013 ด้านระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัย
สำหรับสารสนเทศ และมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ด้านการบริหารจัดการการบริการของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งระบบงานหลังการซื้อขาย ปรับปรุงงานบริหารความเสี่ยงสำหรับหลักทรัพย์ให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานสากล Principles for Financial Market Infrastructures (PFMI)
พัฒนาช่องทางการเข้าถึงกองทุนรวมด้วยระบบ Fund Connext โดยมีผู้ประกอบการในธุรกิจกองทุนรวม 50 แห่งตอบรับใช้ระบบ ในจำนวนนี้เป็น บลจ. 22 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของ บลจ.ทั้งหมด พร้อมให้บริการเดือนมีนาคม 2560
บทบาทในระดับสากล สร้างความโดดเด่นในเวทีโลก จัดงานประชุมตลาดทุนภูมิภาค (Asian and Oceanian Stock Exchange Federation : AOSEF) งาน ANNA (Association of National Numbering Agencies) General Meeting 2016 และ IR Magazine Award รวมทั้งได้รับเลือกเป็นกรรมการสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange : WFE) ครั้งแรก เพื่อเป็นเวทีในการแสดงบทบาทตลาดทุนไทยในการสนับสนุนการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สมาชิกให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ในปี 2559 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แม้จะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยทั้งภายใน และภายนอก แต่ด้วยพื้นฐานประเทศที่แข็งแกร่ง ภายใต้การขับเคลื่อนจากนโยบายรัฐ และศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ปรับตัวรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการเติบโตที่ดี และโดดเด่นเมื่อเทียบกับภูมิภาค พร้อมเดินหน้าสู่ปี 2560 ด้วยวิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market Work for Everyone” พัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมกันทั้งทางตรง และทางอ้อม”
ด้านธุรกิจ ตลาดทุนไทยแสดงศักยภาพแข็งแกร่งต่อเนื่องในระดับภูมิภาค โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,519.65 จุด สร้างผลตอบแทนเติบโตถึง 17.98% และสภาพคล่องสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ที่ 53,208 ล้านบาทต่อวัน (15 ธ.ค.) สำหรับบริษัทจดทะเบียนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (IPO) อยู่ที่ 155,605 ล้านบาท (ประมาณการจนถึงสิ้นปี 2559) และบริษัทจดทะเบียนระดมทุนเพิ่มขึ้นถึง 279,344 ล้านบาท ด้านสินค้าใหม่ ได้ขยายโอกาสสำหรับบริษัทขนาดเล็ก โดยเปิดตัวดัชนี sSET Index ที่จะเริ่มเผยแพร่ดัชนีอย่างเป็นทางการ 4 มกราคม 2560 และเพิ่มสินค้ายางพาราล่วงหน้า รวมถึงพัฒนาสินค้าใหม่ TFEX Gold-D เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีสินค้าเพื่อการลงทุน และบริหารความเสี่ยงที่หลากหลาย ตอบรับความต้องการของทุกกลุ่ม ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการใหม่ (Startup) เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ Startup พบกับแหล่งทุน เดินหน้าต่อยอดพัฒนา platform เพื่อ Startup ในปีหน้า ในเชิงคุณภาพ ตลอดทั้งปีบริษัทจดทะเบียนไทยได้เข้าคำนวณใน global index เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย MSCI เพิ่ม 5 บริษัท รวมเป็นทั้งหมด 34 บริษัท และ 7 บริษัทจดทะเบียนไทย คว้า 14 รางวัลยอดเยี่ยมด้านนักลงทุนสัมพันธ์ จากทั้งหมด 24 รางวัลในระดับภูมิภาคอาเซียนจาก IR Magazine Award
ด้านคุณภาพ ส่งเสริมคุณภาพ บจ.ไทย โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง ด้าน ESG บริษัทจดทะเบียนไทยผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน ได้รับคัดเลือกเป็นองค์ประกอบในดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI) 14 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน และได้รับการคัดเลือกเข้า FTSE4Good ASEAN 5 Index จำนวน 30 บริษัท จาก 78 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกทั้งภูมิภาค โดยไทยได้เป็นจำนวนสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
นอกจากนี้ ในปีนี้มีบริษัทจดทะเบียน 55 บริษัทผ่านเกณฑ์อยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือ “หุ้นยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สอง เพิ่มจากปีแรก จำนวน 51 บริษัท แสดงให้เห็นว่า บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจครอบคลุมทุกมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Environment, Social, Governance : ESG) สำหรับด้านบรรษัทภิบาล ในระดับภูมิภาค คะแนน ASEAN CG Scorecard เพิ่มต่อเนื่อง จาก 84 คะแนนในปี 2558 เป็น 87 คะแนนในปี 2559 และจากผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2559 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2016) จัดทำโดยสถาบันกรรมการบริษัทไทย ด้วยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจดทะเบียน 601 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยมีคะแนน เฉลี่ยอยู่ที่ 78% และสูงกว่าปี 2558 ที่มีคะแนน 75%
ด้านผู้ลงทุน สร้างเสถียรภาพ และสมดุลอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของผู้ลงทุนบุคคล และสถาบันอยู่ที่ 53% ต่อ 47% โดยมีผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ (ม.ค.-15 ธ.ค.) มูลค่า 78,264 ล้านบาท สำหรับจำนวนผู้ลงทุนรายย่อยใหม่ (ม.ค.-ต.ค.) เพิ่มขึ้น 79,723 ราย ขณะที่บัญชีซื้อขายอนุพันธ์ใหม่อยู่ที่ 10,785 ราย ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และพันธมิตร ในกิจกรรมให้ความรู้ผู้ลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงทาง online และ social media
ขณะเดียวกัน ยังจัดตั้งศูนย์กลางการให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจขึ้นในปีแรก เพื่อขยายความรู้แก่ภาคธุรกิจ ในปีนี้เข้าถึงผู้ประกอบการ Startup และ SMEs อีกด้วย รวมถึงการส่งเสริมการขยายฐานการลงทุนผ่านกองทุนรวม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) โดยให้ความรู้แก่สมาชิก PVD 187,190 คน และเน้นส่งเสริมให้บริษัทมี employee's choice เพิ่มขึ้น 741 บริษัท (ม.ค.-ต.ค.)
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาให้มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานสากล โดยพัฒนาระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศให้ได้ใบรับรองมาตรฐานสากล ได้แก่ มาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ด้านระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสำหรับสารสนเทศ (Information Security Management Systems) และมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ด้านการบริหารจัดการการบริการของไอที (IT Service Management) นอกจากนี้ สำนักหักบัญชี (TCH) ได้ปรับปรุงงานบริหารความเสี่ยงสำหรับหลักทรัพย์ ให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานสากล Principles for Financial Market Infrastructures (PFMI) และพัฒนาช่องทางการเข้าถึงกองทุนรวมด้วยระบบ FundConnext ซึ่งมีผู้ประกอบการในธุรกิจกองทุนรวม 50 แห่งตอบรับใช้ระบบ ในจำนวนนี้เป็น บลจ. 22 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของ บลจ.ทั้งหมด พร้อมให้บริการเดือนมีนาคม 2560 รวมถึงการปรับกระบวนการภายในให้เป็นไปตามหลักการของ Green Policy อาทิ งานด้านจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารอาคาร
ด้านบทบาทในระดับสากล สร้างความโดดเด่นในเวทีโลก ในปี 2559 ตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงศักยภาพในระดับสากล เพื่อความน่าสนใจมากขึ้นในเวทีโลก โดยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมตลาดทุนภูมิภาค (Asian and Oceanian Stock Exchange Federation : AOSEF) และงาน ANNA (Association of National Numbering Agencies) General Meeting 2016 และงาน IR Magazine Award
นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดการประชุม WFE General Assembly and Annual Meeting 2017 ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2560 เพื่อหารือความร่วมมือ และพัฒนาการที่สำคัญของตลาดทุนโลก อีกบทบาทสำคัญในระดับโลก คือ การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับเลือกเป็นกรรมการ สหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange : WFE) เป็นครั้งแรก โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างตลาดหลักทรัพย์อาเซียน และตลาดหลักทรัพย์สมาชิกทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเกิดใหม่ ที่จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศ CLMV และพร้อมสนับสนุนบทบาทของ WFE ในการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สมาชิกให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ด้านธุรกิจ ตลาดทุนไทยแสดงศักยภาพโดดเด่นต่อเนื่องในระดับประเทศ และภูมิภาค ทั้งสภาพคล่องขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 53,208 ล้านบาท (15 ธ.ค.)
การระดมทุนผ่าน IPO ปี 2559 เพิ่มมาร์เกตแคป 155,605 ล้านบาท
ฐานผู้ลงทุนเติบโตต่อเนื่องทั้งผู้ลงทุนบุคคล และสถาบัน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 53:47 ผ่านการทำงานร่วมกับ บล. บลจ. และพันธมิตร ในการขยายฐานผู้ลงทุน ส่งเสริมช่องทางลงทุน online เข้าถึงผู้ลงทุนทุกกลุ่ม รวมทั้งกิจกรรมอบรมความรู้ต่างๆ
ด้านคุณภาพ ส่งเสริมคุณภาพ บจ.ไทยโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพราะ บจ.ไทยเข้าคำนวณในดัชนี DJSI 14 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน พบว่า 30 บจ.ไทยได้รับคัดเลือกใน FTSE4Good ASEAN 5 Index จากทั้งหมด 78 บริษัท สูงสุดในอาเซียน
มีจำนวน “หุ้นยั่งยืน” ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) เพิ่มขึ้นเป็น 55 บริษัท จาก 51 บริษัทในปีแรก ขณะที่คะแนน ASEAN CG Scorecard เพิ่มต่อเนื่อง จาก 84 เป็น 87 คะแนน บรรษัทภิบาลของ บจ.ไทยมีคะแนน CGR เฉลี่ย 78% และ บจ.ไทยเข้าคำนวณในดัชนี MSCI เพิ่ม 5 บริษัท รวมเป็น 34 บริษัท รวมทั้งคว้ารางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ (IR) ดีเด่นสุดในระดับภูมิภาคถึง 14 รางวัลจาก 24 รางวัล
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับประสิทธิภาพระบบงานได้รับการยอมรับในระดับสากล
ระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศได้ใบรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2013 ด้านระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัย
สำหรับสารสนเทศ และมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ด้านการบริหารจัดการการบริการของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งระบบงานหลังการซื้อขาย ปรับปรุงงานบริหารความเสี่ยงสำหรับหลักทรัพย์ให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานสากล Principles for Financial Market Infrastructures (PFMI)
พัฒนาช่องทางการเข้าถึงกองทุนรวมด้วยระบบ Fund Connext โดยมีผู้ประกอบการในธุรกิจกองทุนรวม 50 แห่งตอบรับใช้ระบบ ในจำนวนนี้เป็น บลจ. 22 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของ บลจ.ทั้งหมด พร้อมให้บริการเดือนมีนาคม 2560
บทบาทในระดับสากล สร้างความโดดเด่นในเวทีโลก จัดงานประชุมตลาดทุนภูมิภาค (Asian and Oceanian Stock Exchange Federation : AOSEF) งาน ANNA (Association of National Numbering Agencies) General Meeting 2016 และ IR Magazine Award รวมทั้งได้รับเลือกเป็นกรรมการสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange : WFE) ครั้งแรก เพื่อเป็นเวทีในการแสดงบทบาทตลาดทุนไทยในการสนับสนุนการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สมาชิกให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ในปี 2559 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แม้จะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยทั้งภายใน และภายนอก แต่ด้วยพื้นฐานประเทศที่แข็งแกร่ง ภายใต้การขับเคลื่อนจากนโยบายรัฐ และศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ปรับตัวรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการเติบโตที่ดี และโดดเด่นเมื่อเทียบกับภูมิภาค พร้อมเดินหน้าสู่ปี 2560 ด้วยวิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market Work for Everyone” พัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมกันทั้งทางตรง และทางอ้อม”
ด้านธุรกิจ ตลาดทุนไทยแสดงศักยภาพแข็งแกร่งต่อเนื่องในระดับภูมิภาค โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,519.65 จุด สร้างผลตอบแทนเติบโตถึง 17.98% และสภาพคล่องสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ที่ 53,208 ล้านบาทต่อวัน (15 ธ.ค.) สำหรับบริษัทจดทะเบียนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (IPO) อยู่ที่ 155,605 ล้านบาท (ประมาณการจนถึงสิ้นปี 2559) และบริษัทจดทะเบียนระดมทุนเพิ่มขึ้นถึง 279,344 ล้านบาท ด้านสินค้าใหม่ ได้ขยายโอกาสสำหรับบริษัทขนาดเล็ก โดยเปิดตัวดัชนี sSET Index ที่จะเริ่มเผยแพร่ดัชนีอย่างเป็นทางการ 4 มกราคม 2560 และเพิ่มสินค้ายางพาราล่วงหน้า รวมถึงพัฒนาสินค้าใหม่ TFEX Gold-D เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีสินค้าเพื่อการลงทุน และบริหารความเสี่ยงที่หลากหลาย ตอบรับความต้องการของทุกกลุ่ม ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการใหม่ (Startup) เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ Startup พบกับแหล่งทุน เดินหน้าต่อยอดพัฒนา platform เพื่อ Startup ในปีหน้า ในเชิงคุณภาพ ตลอดทั้งปีบริษัทจดทะเบียนไทยได้เข้าคำนวณใน global index เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย MSCI เพิ่ม 5 บริษัท รวมเป็นทั้งหมด 34 บริษัท และ 7 บริษัทจดทะเบียนไทย คว้า 14 รางวัลยอดเยี่ยมด้านนักลงทุนสัมพันธ์ จากทั้งหมด 24 รางวัลในระดับภูมิภาคอาเซียนจาก IR Magazine Award
ด้านคุณภาพ ส่งเสริมคุณภาพ บจ.ไทย โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง ด้าน ESG บริษัทจดทะเบียนไทยผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน ได้รับคัดเลือกเป็นองค์ประกอบในดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI) 14 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน และได้รับการคัดเลือกเข้า FTSE4Good ASEAN 5 Index จำนวน 30 บริษัท จาก 78 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกทั้งภูมิภาค โดยไทยได้เป็นจำนวนสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
นอกจากนี้ ในปีนี้มีบริษัทจดทะเบียน 55 บริษัทผ่านเกณฑ์อยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือ “หุ้นยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สอง เพิ่มจากปีแรก จำนวน 51 บริษัท แสดงให้เห็นว่า บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจครอบคลุมทุกมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Environment, Social, Governance : ESG) สำหรับด้านบรรษัทภิบาล ในระดับภูมิภาค คะแนน ASEAN CG Scorecard เพิ่มต่อเนื่อง จาก 84 คะแนนในปี 2558 เป็น 87 คะแนนในปี 2559 และจากผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2559 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2016) จัดทำโดยสถาบันกรรมการบริษัทไทย ด้วยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจดทะเบียน 601 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยมีคะแนน เฉลี่ยอยู่ที่ 78% และสูงกว่าปี 2558 ที่มีคะแนน 75%
ด้านผู้ลงทุน สร้างเสถียรภาพ และสมดุลอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของผู้ลงทุนบุคคล และสถาบันอยู่ที่ 53% ต่อ 47% โดยมีผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ (ม.ค.-15 ธ.ค.) มูลค่า 78,264 ล้านบาท สำหรับจำนวนผู้ลงทุนรายย่อยใหม่ (ม.ค.-ต.ค.) เพิ่มขึ้น 79,723 ราย ขณะที่บัญชีซื้อขายอนุพันธ์ใหม่อยู่ที่ 10,785 ราย ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และพันธมิตร ในกิจกรรมให้ความรู้ผู้ลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงทาง online และ social media
ขณะเดียวกัน ยังจัดตั้งศูนย์กลางการให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจขึ้นในปีแรก เพื่อขยายความรู้แก่ภาคธุรกิจ ในปีนี้เข้าถึงผู้ประกอบการ Startup และ SMEs อีกด้วย รวมถึงการส่งเสริมการขยายฐานการลงทุนผ่านกองทุนรวม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) โดยให้ความรู้แก่สมาชิก PVD 187,190 คน และเน้นส่งเสริมให้บริษัทมี employee's choice เพิ่มขึ้น 741 บริษัท (ม.ค.-ต.ค.)
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาให้มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานสากล โดยพัฒนาระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศให้ได้ใบรับรองมาตรฐานสากล ได้แก่ มาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ด้านระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสำหรับสารสนเทศ (Information Security Management Systems) และมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ด้านการบริหารจัดการการบริการของไอที (IT Service Management) นอกจากนี้ สำนักหักบัญชี (TCH) ได้ปรับปรุงงานบริหารความเสี่ยงสำหรับหลักทรัพย์ ให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานสากล Principles for Financial Market Infrastructures (PFMI) และพัฒนาช่องทางการเข้าถึงกองทุนรวมด้วยระบบ FundConnext ซึ่งมีผู้ประกอบการในธุรกิจกองทุนรวม 50 แห่งตอบรับใช้ระบบ ในจำนวนนี้เป็น บลจ. 22 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของ บลจ.ทั้งหมด พร้อมให้บริการเดือนมีนาคม 2560 รวมถึงการปรับกระบวนการภายในให้เป็นไปตามหลักการของ Green Policy อาทิ งานด้านจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารอาคาร
ด้านบทบาทในระดับสากล สร้างความโดดเด่นในเวทีโลก ในปี 2559 ตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงศักยภาพในระดับสากล เพื่อความน่าสนใจมากขึ้นในเวทีโลก โดยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมตลาดทุนภูมิภาค (Asian and Oceanian Stock Exchange Federation : AOSEF) และงาน ANNA (Association of National Numbering Agencies) General Meeting 2016 และงาน IR Magazine Award
นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดการประชุม WFE General Assembly and Annual Meeting 2017 ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2560 เพื่อหารือความร่วมมือ และพัฒนาการที่สำคัญของตลาดทุนโลก อีกบทบาทสำคัญในระดับโลก คือ การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับเลือกเป็นกรรมการ สหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange : WFE) เป็นครั้งแรก โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างตลาดหลักทรัพย์อาเซียน และตลาดหลักทรัพย์สมาชิกทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเกิดใหม่ ที่จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศ CLMV และพร้อมสนับสนุนบทบาทของ WFE ในการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สมาชิกให้เติบโตอย่างยั่งยืน