บอร์ด “โรงพิมพ์ตะวันออก” ไฟเขียวส่งบริษัทย่อย “อีสเทอร์น พาวเวอร์กรุ๊ป” (EP) เข้าซื้อหุ้น “ทัศน์ศิริ” สัดส่วน 50% เข้าถือหุ้นทางอ้อมโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติขนาดกำลังการผลิต 240 เมกะวัตต์ ด้านผู้บริหารประกาศพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งใน-ต่างประเทศตามแผน พร้อมดัน EP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 60 หนุนธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชย) (EPCO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทย่อยในการเข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท ทัศน์ศิริ จำกัด (THAT SIRI) ในสัดส่วนร้อยละ 50.00 รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 509.42 ล้านบาท โดยลงทุนผ่านบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 75.00 และในวันที่ 15 ธ.ค.2559 ได้ทำการชำระเงินค่าหุ้นอีก 50% ของบริษัท ทัศน์ศิริ จำกัด ตามที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 เรียบร้อย ทำให้บริษัทย่อยของบริษัทจะถือหุ้น 100% ของบริษัท ทัศน์ศิริ จำกัด เพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมของ บริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ในสัดส่วนร้อยละ 20.00 ซึ่ง SSUT เป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก ระบบ Cogeneration กำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 240 เมกะวัตต์ และไอน้ำ กำลังการผลิตสูงสุดประมาณ 60 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ
ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เดินเครื่อง และจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ แล้ว รวม 11 โครงการ โดยประกอบด้วย โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์บ่อพลอย กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ลพบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Roof) จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1.5 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตในประเทศ จำนวน 16.5 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน กำลังก่อสร้าง Solar Farm ที่ปราจีนบุรี อีก 5 เมกะวัตต์ และ Solar Roof ที่ชลบุรี และ กทม. รวม 2.2 เมกะวัตต์ ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่นได้ COD แล้ว 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ที่เกียวโต และจะเริ่มก่อสร้างที่คูริฮาร่า อีก 2 โครงการรวม 26.5 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ EP ยังได้เข้าลงทุนใน 2 โรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติ กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ มูลค่า 2.6 พันล้านบาท ซึ่ง COD แล้ว 240 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะ COD อีก 120 เมกะวัตต์ ภายใน ธ.ค นี้ และจะรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้เช่นเดียวกัน
“การขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ผลักดันธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และบริษัทฯ จะนำบริษัทลูก คือ EP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และวางเป้าภายในปี 2561 ขนาดกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าในมือจะเพิ่มขึ้นเป็น 600 เมกะวัตต์ โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่กำหนดปริมาณ และราคารับซื้อไฟฟ้าไว้อย่างแน่นอนตลอด 25 ปี จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ที่คงที่ และลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ช่วยผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในฐานะที่ EPCO เป็นบริษัทแม่” นายยุทธ กล่าว