บล.เคทีบี คาดหุ้นไทยท้ายปีวอลุ่มซื้อขายเบาบาง ปัจจัยเด่นที่ชี้ทิศทางตลาดไม่ค่อยมี โดยแรงซื้อหลักๆ น่าจะเป็นกองทุน LTF-RMF และนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรแบบรายวัน พร้อมให้กรอบสัปดาห์นี้ 1,500-1,550 จุด
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี 2559 ปัจจัยเด่นที่ชี้ทิศทางตลาดไม่ค่อยมี ทำให้ปริมาณซื้อขายจะเริ่มเบาบางลง แรงซื้อหลักๆ น่าจะเป็นกองทุน LTF-RMF และนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรแบบรายวัน ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯ มีความผันผวนในระหว่างวันค่อนข้างสูง ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีฯ สัปดาห์นี้ (19-23 ธ.ค.) จะผันผวนในกรอบ 1,500-1,550 จุด
โดยตัวแปรที่มีผลต่อตลาดจะเป็นผลตอบรับต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) แต่จะเริ่มน้อยลงตามลำดับ สังเกตได้จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และ Bond Yield เริ่มทรงตัว แต่ตลาดอาจขาดแรงซื้อ เพราะปัจจัยที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากการลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันที่ตอบรับกันมาระดับหนึ่ง และการปรับ ครม.ที่คาดว่า จะไม่มีผลต่อตลาด แต่ตลาดจะไปให้ความสนใจต่อนโยบายการค้าต่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่มากขึ้น เพราะใกล้ตัวเข้ามาทุกขณะ เนื่องจากจะมีผลต่อหุ้นกลุ่มส่งออก (ถ้าเงินบาทเปลี่ยนแปลงมาก) นอกจากนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ คาดว่าจะกดดันต่อดัชนีฯ อยู่ต่อไป
ขณะที่ในสัปดาห์ถัดไป (26-30 ธ.ค.) มองว่า การหยุดของตลาดหุ้นต่างประเทศ และตลาดจะไม่มีตัวแปรสำคัญๆ เพราะผ่านไปเกือบหมดแล้ว การซื้อขายจะเป็นการเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้นๆ แบบรายวัน (day trade) มากกว่า ตัวแปรสำคัญๆ ช่วง 26-30 ธ.ค. ประกอบด้วย ตัวเลขส่งออกของไทย (26 ธ.ค.)
สำหรับกลยุทธ์ลงทุน ในภาพรวมๆ ของตลาดจะยังเป็น sideway นักลงทุนส่วนใหญ่จะเล่นด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย และแรงซื้อของกองทุนฯ ที่คาดว่า ยังเป็นตัวพยุงตลาดทำให้การลงทุน หากเป็นการเลือกลงทุนเป็นรายตัว (selective buy) น่าจะยังทำกำไรให้กับพอร์ตได้อยู่
ดังนั้น การลงทุนโค้งสุดท้ายของปีแบบนี้น่าจะลงทุนผสมทั้งหุ้นปันผลสูง หุ้นกำไรปีหน้าโต หุ้นรับผลบวกมาตรการเศรษฐกิจ และหุ้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ที่จะเก็งตามข่าวรายวัน รวมทั้งหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ SET50 SET100 ที่จะคึกคักขึ้นด้วย มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ (19-23 ธ.ค.) จะผันผวนในกรอบ 1,500-1,550 จุด
สำหรับหุ้นที่คาดว่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ได้แก่ หุ้นรับผลบวกการลงทุน-ใช้จ่าย ภาครัฐ (Domestic Play) ASEFA, CPALL, TVD, KTC หุ้นมี Dividend Yield สูง KGI หุ้นเข้าคำนวณ SET50, SET100, SPRC, KAMART, THANI และหุ้นที่มีประเด็นบวกอื่นๆ หรือราคาลงมามาก GFPT, SAPPE, KBS, EASON, BA