พีดีเฮ้าส์ คาดน้ำท่วมภาคใต้กระทบเศรษฐกิจ และตลาดรับสร้างบ้าน ปีนี้รับสภาพยอดขายต่ำกว่าเป้า 1.2 พันล้านบาท เข้มคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย พร้อมรีดีไซน์-โปรดักต์แบบบ้าน และระบบก่อสร้าง หวังลดต้นทุน และราคาบ้านลง 7% ตั้งเป้าชิงแชร์ตลาดบ้านกลุ่มใหญ่ราคา 1.5-3 ล้านบาท คาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าแค่ทรงตัว
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ในช่วงปลายปีพอสมควร ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านภาคใต้ และยอดขายบ้านของบริษัทฯ 10 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ามีการฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ยังชะลอตัว หรือแค่ทรงตัว เพราะผู้บริโภคในภาคใต้ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ บริการ และความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการมากกว่าเรื่องราคา ธุรกิจรับสร้างบ้านจึงมีการแข่งขันไม่รุนแรงนัก
“อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายปีนี้ต้องยอมรับว่า กำลังซื้อผู้บริโภคบางส่วนสะดุดลง ด้วยเพราะอารมณ์จับจ่ายใช้สอย และการลงทุนเรื่องบ้าน หรือที่อยู่อาศัยชะลอตัว กอปรกับสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้น จึงคาดว่าจะทำให้ยอดขายบ้านของบริษัทฯ ในภาคใต้ลดลงพอสมควร และอาจฉุดให้ตัวเลขยอดขายบ้านทั่วประเทศของบริษัทฯ มีโอกาสต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.2 พันล้านบาท”
จากสภาพตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมที่ยังคงหดตังอยู่ ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์ และปรับตัวรับมือกับสภาพเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยหันไปเน้นควบคุมต้นทุนค่าบริหาร และใช้จ่ายต่างๆ ลง อาทิ ชะลอเปิดสาขาใหม่ และลดจำนวนสาขาที่อยู่ใกล้กัน หรือสาขาที่มียอดขายน้อย การใช้แอปพลิเคชั่นนำเสนอแบบบ้านแทนโบชัวร์ หรือสิ่งพิมพ์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการปรับแบบบ้าน และลดวัสดุฟุ่มเฟือยที่ใช้สร้างบ้าน (Re-Product) แต่ยังคงทันสมัยไว้เหมือนเดิม เพื่อลดต้นทุนก่อสร้างบ้านให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และความต้องการของผู้บริโภคในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งหันมาใช้ระบบบ้านโครงสร้างเหล็ก เพื่อสามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ จากการปรับตัว และดำเนินการดังกล่าวทำให้ราคาค่าก่อสร้างบ้านลดลงจากเดิมเฉลี่ย 3-7% หรือราคาบ้านเริ่มต้นที่ 15,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของบริษัทฯ ที่จะเข้าถึงกำลังซื้อกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มราคาบ้าน 1.5-3 ล้านบาทที่ผู้บริโภคมีความต้องการมากที่สุด และกลุ่มราคาบ้าน 3 ล้านบาทขึ้นไป-5 ล้านบาท ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภครองลงมา คิดเป็นสัดส่วนรวมกันมากกว่า 60% ของมูลค่ารวมตลาดบ้านสร้างเอง”
“ปีนี้บริษัทฯ มีแผนขยายสาขา 1-2 แห่ง แต่ด้วยเพราะเศรษฐกิจในภูมิภาค หรือต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวดังที่คาดไว้ ดังนั้น จึงได้ชะลอการขยายสาขาใหม่ออกไปก่อน เพราะไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงเกินไป สำหรับแผนการขยายสาขาในปีหน้า คงต้องรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศ และเศรษฐกิจโลกอีกครั้งว่าจะเป็นไปในทิศทางใด โดยส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจปี 2560 น่าจะไม่ขยายตัว หรือแค่ทรงตัว”