“คลัง” เตรียมชง ครม. อังคารที่ 7 ธ.ค.นี้ เคาะมาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ระยะเวลา 15 วัน เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย พร้อมเสนอมาตรการกระตุ้น ศก.ชุดใหม่ ต้นปี 60 เพื่อให้ ศก.ที่ปัจจุบันขยายได้เต็มที่ และมีศักยภาพ จับตากองทุนประชารัฐฯ และมาตรการกระตุ้น ศก.ในระดับหมู่บ้าน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า ในวันที่ 7 ธันวาคม 2559 คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณา และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอมาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการ จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ตามมาตรการช็อปช่วยชาติ เป็นระยะเวลา 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 15-31 ธ.ค.2559 เพื่อเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย สำหรับกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อที่ต้องการใช้จ่าย หรือบริโภค ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการช็อปช่วยชาติ จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอย ซึ่งเป็นมาตรการในลักษณะเดียวกันกับที่เคยนำมาใช้เมื่อปีที่แล้ว แต่มีระยะเวลานานขึ้น เพื่อให้มีผลในการขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจปีนี้ และปีหน้า โดยเบื้องต้นประเมินว่า จะมีผู้ได้ประโยชน์จากมาตรการครั้งนี้ประมาณ 1 ล้านราย ซึ่งมาตรการที่ออกมาส่วนหนึ่งต้องการทำให้เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายขยายตัวได้ 3.4% เพื่อให้ทั้งปีขยายตัวได้ 3.3% และยังต้องการให้มาตรการที่ออกมามีผลผลักดันให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวจากที่ประมาณการไว้เดิม 3.4% เป็น 4% ต่อปี
“เศรษฐกิจไทยปีหน้า กระทรวงการคลัง คาดว่า จะมีการลงทุนจำนวนมากจากโครงการของรัฐ ทั้งโครงการรถไฟ รถไฟฟ้า ถนน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่การบริโภคก็ฟื้นตัวจากมาตรการที่รัฐบาลออกมาต่อเนื่อง เหลือแต่การลงทุนภาคเอกชนเท่านั้นที่ยังอ่อนแอ เพราะเอกชนยังไม่ยอมลงทุน แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการลงทุนได้ลดหย่อนภาษี 2 เท่าที่จะสิ้นสุดปีนี้”
สำหรับมาตรการของขวัญปีใหม่ ที่เป็นการลดหย่อนภาษีจากการช็อปช่วยชาติ กระทรวงการคลังได้เสนอให้ ครม.พิจารณาแล้ว รอการบรรจุเข้าวาระเท่านั้น โดยได้เสนอให้ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท และยืนยันว่า ยังไม่มีผลกระทบทำให้การใช้จ่ายในช่วงนี้ชะลอลง รวมทั้งยังเตรียมเสนอมาตรการดูแลเศรษฐกิจชุดใหม่ต้นปี 2560 เพื่อให้เศรษฐกิจที่ปัจจุบันขยายได้เต็มที่ และมีศักยภาพ
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 7 ธ.ค.นี้ เช่นกัน สำนักงบประมาณจะเสนอนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรองโครงการของแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ต้องการกระจายงบไปสู่ท้องถิ่นระดับกลุ่มจังหวัดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลจากแทนที่การตัดสินใจจะอยู่ที่ส่วนกลาง
นอกจากนี้ นายสมคิด จะมีการเสนอจัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อสังคม โดยให้เอกชน และประชาสังคมเป็นตัวนำ ขณะที่กระทรวงการคลังจะหางบประมาณมาสมทบ โครงการที่มีประโยชน์เพื่อสังคมอย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ นายสมคิด ยังย้ำว่า การพัฒนาประเทศต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน สานพลังประชารัฐ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ