xs
xsm
sm
md
lg

ดัน “National Sand Box” ใช้ฟินเทคฯ เฉพาะกลุ่มสตาร์อัปปี 60

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ปธ.ชมรมฟินเทคฯ” เตรียมลงนามความร่วมมือสร้าง National Sand Box ร่วมกับ “คลัง-ธปท.-หน่วยงานอื่น” ก่อนเปิดให้บริการต้นปี 60 หวังตอกย้ำไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศของโลกที่ให้ความสำคัญกับระบบฟินเทค ด้าน “สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา” ย้ำ แม้ ธปท.พน้อมหนุน เพราะยากต่อการต้านกระแสโลก หากต้องให้ความสำคัญการรักษาเสถียรภาพ และความมั่นคงของสถาบันการเงินในประเทศ “ฉัตรชัย ศิริวิไล” ระบุยังไม่กล้าเล่นลงเล่นเต็มตัว วอน ธปท.ทำกติกาให้ชัดเจนถึงรูปแบบฟินเทคที่ ธอส.ให้บริการได้

นายกรณ์ จาติกวณิต ประธานชมรมฟินเทคประเทศไทย กล่าวตอนหนึ่งในงานเสวนาหัวข้อ “Fin Fin with FINTECH” ซึ่งจัดโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ว่า ชมรมฟินเทคฯ ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจภายในกลุ่มผู้ที่เพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจ (Start Up)

สำหรับการทำงานในก้าวต่อไปนั้น จะเตรียมลงนามความตกลงร่วมกับสถาบันการเงินรัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสร้าง National Sand Box ซึ่งมีไว้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาทดลองใช้บริการในกรอบที่จำกัดแต่เฉพาะกลุ่ม Start Up อีกทั้ง ใน National Sand Box นี้ยังจะมีไว้เพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลได้พิจารณาว่า ควรจะต้องออกกฎกติกาที่เหมาะสมได้อย่างไร โดยก่อนหน้านี้ชมรมฟินเทคฯ ได้เคยลงนามความร่วมมือเพื่อสร้าง Sand Box ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว

นายกรณ์ ยังย้ำด้วยว่า National Sand Box จะเริ่มต้นเปิดให้บริการได้ในต้นปี 60 ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบฟินเทคภายประเทศของตน เนื่องจากประเทศที่มี Nation Sand Box ในลักษณะนี้จะถือว่าเป็นประเทศที่ส่งเสริมให้ใช้นวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ในปัจจุบัน ระบบฟินเทคจากต่างประเทศได้เข้าสู่ประเทศไทยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเว็บซื้อขายออนไลน์อย่างอาลีบาบา และอเมซอน แต่เชื่อว่าประเทศไทยยังคงมีพื้นที่ที่จะให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าของตัวเพื่อแข็งขันกับต่างประเทศ และตอบโจทย์ของลูกค้าได้อีก

นอกจากนี้ การวัดความสำเร็จของระบบฟินเทคนั้น เชื่อว่าวัยของผู้ใช้บริการระบบฟินเทคนั้น ไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหาจริงๆ คือ ความสะดวกในการเข้าถึง และการสื่อสารด้วยข้อมูลที่ผู้ใช้บริการสามารถเข้าใจได้ไม่ยากมากกว่า ส่วนที่ยังคำถามว่าฟินเทคจะเข้ามาแทนที่การให้บริการของธนาคารพาณิชย์ หรือไม่นั้น เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์เข้าใจดี และรู้ตัวว่าต้องปรับตัวตามอยู่ตลอดเวลา

นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงิน และเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

ธปท.ระบุว่า ธปท.ยินดีสนับสนุนระบบฟินเทค เนื่องจากรู้ดีว่าเป็นกระแสของโลกที่ ธปท.ไม่อาจต้านทานได้ แต่ในฐานะผู้ที่ต้องดูแลรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินโดยรวมในประเทศแล้ว ธปท.ยังต้องให้ความสำคัญกับ 3 ประโยชน์ และ 2 ความ โดย 3 ประโยชน์นั้น จะประกอบไปด้วย ต้องมีประโยชน์กับประชาชนทั้งในแง่ความรวดเร็ว และความปลอดภัยที่จะทำผู้ใช้บริการสามารถวางใจต่อระบบฟินเทคได้ ต้องมีประโยชน์ในแง่ประสิทธิภาพในการลดต้นทุนทั้งในส่วนของผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการ และต้องมีประโยชน์ต่อการสร้างผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบใหม่ๆ ในประเทศด้วย ส่วน 2 ความ จะเน้นเรื่องความเสี่ยงในแง่ข้อมูลการกู้ยืมของลูกค้าที่สถาบันการเงินต้องให้ความระมัดระวัง และอยู่ในระดับที่เพียงพอ และความรู้ความเข้าใจของผู้ใช้บริการที่ต้องมีอย่างเพียงพอ

ส่วน นายฉัตรชัย ศิริวิไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. ได้กล่าวว่า ธอส.ได้เริ่มใช้ทดลองใช้ Fintech ภายในกลุ่มพนักงานจนปัจจุบันสามารถนำไปให้บริการได้จริงแก่ลูกค้า โดยยกตัวอย่างเช่น การให้บริการใบเสร็จรับชำระเงินกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ (GH Bank Smart Receipt) ที่เปิดให้บริการไปตั้งแต่เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ฟินเทคก็ยังเป็นเหมือนเส้นบางๆ ที่แบ่งระหว่างความเพ้อฝัน กับความเพ้อเจ้อ ทำให้ ธอส.ไม่กล้าก้าวลงไปเล่นอย่างเต็มตัว ดังนั้น ตนจึงอยากขอร้องให้ ธปท.กำหนดกติกาให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาว่า การให้บริการฟินเทครูปแบบใดบ้างที่ ธอส.ทำได้ และไม่ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น