ปีนี้ถือเป็นปีที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงเช่นเดียวกับปีก่อนๆ แม้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงประมาณเดือนกันยายน ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นมาตลอด และต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิครั้งแรกในรอบหลายปี แต่โดยรวมแล้วมีเพียงหุ้นไม่กี่ตัวที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี บางตัวทำท่าว่าจะดี แต่กลับกลายเป็นทีเหลว
ปีที่แล้วสามารถตัดสินหุ้นแห่งปีได้ไม่ยาก เพราะคะแนนค่อนข้างเทไปยังหุ้น TASCO ค่อนข้างชัดเจน ด้วยสตอรี่เชิงบวก และราคาหุ้นที่เป็นขาขึ้นตลอดทั้งปี แต่ปีนี้ค่อนข้างตัดสินยาก ซึ่งหากจะให้เลือกหุ้นแห่งปีสักหนึ่งตัวชื่อนั้นต้องเป็นบริษัท จัสมิน เทเลคอม หรือ JAS
หุ้นตัวนี้ไม่น่าจะเป็นเพียงแค่หุ้นแห่งปี แต่น่าจะเป็น “หุ้นแห่งทศวรรษ” เสียด้วยซ้ำ หากใครที่จับตาหุ้นตัวนี้อย่างใกล้ชิดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีโอกาสเป็นเศรษฐีได้ถึง 2 ครั้งทีเดียว และแน่นอนคงจะมีคนที่หมดตัวจากหุ้นตัวนี้เช่นกัน
สาเหตุที่ยก JAS เป็นหุ้นแห่งปี มีสาเหตุดังนี้
หนึ่ง..ราคาสามารถทำ All Time High ได้สำเร็จ ที่ราคา 10.20 บาท หลังจากที่มีความพยายามจะสร้างจุดสูงสุดใหม่มาแล้วหลายครั้งจากกราฟ แต่ภายในวันนั้นเอง ราคาหุ้นก็ถูกเทขายอย่างหนักจนราคากลับมาอยู่ที่ระดับ 8 บาท ต้นๆ (ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559) ถึงอย่างไร ราคาหุ้นสามารถเกาะแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางได้ตลอดทั้งปี โดยใช้เส้น EMA35 เป็นตัววัด หากนับจากจุดต่ำสุดที่ราคาประมาณ 3 บาท เมื่อเดือนมีนาคม 2559 ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 10.20 หากใครเกาะหุ้นตัวนี้มาตลอด ปีนี้ฟันกำไรได้ 3 เด้งกว่าๆ ทีเดียว
จุดเปลี่ยนสำคัญก็คือ การทิ้งใบประมูล 4G ที่ได้มาตั้งแต่ปลายปี 2558 โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนมาใช้จ่ายค่าใบอนุญาตได้ตามกำหนด แต่แทนที่จะเป็นข่าวร้าย กลับกลายเป็นแรงบวกสำคัญที่ทำให้หุ้น JAS วิ่งยาวตลอดทั้งปีโดยแทบไม่มีแวะจอด เติมน้ำมัน (พักฐาน) เลย เพราะโดยพื้นฐานของ JAS ในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ ถือว่าดีอยู่แล้ว และยังไม่ต้องลงทุนขนาดใหญ่กับโครงข่าย 4G ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นการลงทุนที่ “เกินตัว”
สอง..มูลค่าซื้อขายถูกใจนักเก็งกำไร ต้องยอมรับว่าหุ้น JAS เป็นขวัญใจของนักเก็งกำไรทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก ด้วยราคาหุ้นที่ไม่สูงมากนัก มูลค่าซื้อขายต่อวันที่ติด Most Active Value แทบทุกวัน และแรงเหวี่ยงของราคาต่อวัน หุ้นตัวนี้จึงเป็นที่โปรดปรานของนักเก็งกำไร (แม้คนที่ถือยาวจะกินได้คำใหญ่กว่าก็ตาม) เห็นได้จากทุกโบรกเกอร์ที่ออก DW ต้องมีหุ้น JAS ออกมาเสนอขายแทบทุกแห่ง รวมถึงหุ้นลูกอย่าง JAS-W3 ที่มีราคาหวือหวาไม่แพ้กัน
สาม..สตอรี่ที่หวือหวา หากนับจำนวน “ข่าว” ที่เกิดขึ้น JAS ก็สามารถครองแชมป์ได้ไม่ยากด้วยข่าวที่มีตลอดทั้งปี ทั้งของจริง และข่าวลือต่างๆ นานา เรียกว่าคนที่จิตอ่อนเล่นหุ้นตัวนี้ไม่ได้เลยทีเดียว เพราะมีความหวือหวาสูงมาก ตั้งแต่รับซื้อหุ้นคืนที่ราคา 5 บาท การประกาศปันผลพิเศษ ล่าสุด กับการตัดสินใจรับซื้อหุ้นทั้งหมด (Tender Offer) ของซีอีโอ และผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง พิชญ์ โพธารามิก ในราคา 7.25 บาท ถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่ตลาดอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
แล้วอนาคตของ JAS จะเป็นอย่างไรต่อไป?
ลองมองย้อนไปถึงเหตุผลที่ JAS ซิ่งมาได้ไกลขนาดนี้ แล้วคิดต่อไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เรามาดูทีละเหตุผลแล้วตัดสินใจเอาเอง
หนึ่ง..ผลประกอบการปี 2559 ของ JAS จะ “ต่ำ” กว่าปี 2558 แน่นอน เพราะปีนั้นได้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF ทำให้มีกำไร 15,710 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรเพียง 3,270 ล้านบาท แต่ปีนี้ไม่มีกำไรพิเศษนั้นแล้ว และยังต้องลุ้นว่าปีนี้ กำไรสุทธิจะมากกว่าปี 2558 ได้หรือไม่ โดยงวด 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,075 ล้านบาท
สอง..ราคาทำ Tender Offer ที่ 7.25 บาท ยังไงก็เป็นแนวรับสำคัญที่ยากจะหลุดลงไปจากนี้ เพราะซีอีโอประกาศแล้วว่าจะ “เหมายกเข่ง” หุ้นทั้งหมด ราคาจะลงกว่านี้หรือไม่ แค่นี้ก็มองออก
สาม..ผล การสอบของสำนักงาน ป.ป.ช เกี่ยวกับคดีคืนใบอนุญาต 4G ยังไม่ทราบผล แถมยังมีคดีที่ กสทช. ยื่นเอาผิดต่อสำนักงาน ก.ล.ต เรื่องคืนใบอนุญาต 4G สองคดีนี้คงกดดันหุ้น JAS พอสมควร
ไม่ว่าอนาคตของ JAS จะเป็นอย่างไร เจ้าของจะทำ Tender Offer หุ้นทั้งหมดแล้วไปขายต่อให้กลุ่มทุนใหม่ หรือราคากลับลงไปที่ 3 บาท แต่นาทีนี้ต้องยอมรับว่า
JAS สมควรต่อรางวัลหุ้นแห่งปีจริงๆ
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง