ความแตกต่างของนักลงทุน หรือนักเก็งกำไรมือใหม่ที่มักจะขาดทุนกับนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่การเลือกหุ้น การหาจังหวะเข้าซื้อ และการหาจังหวะขาย เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มาผสมรวมกันจะกลายเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “หน้าเทรด” ของนักลงทุนคนนั้นๆ ซึ่งมือใหม่หลายๆ ท่านยังไม่มีระบบเทรด หรือหน้าเทรดที่เป็นของตัวเองทำให้เข้าซื้อหุ้นไม่ถูกจังหวะไม่รู้จะซื้อราคาไหนดี บางคนซื้อถูกตัวแต่ว่าหุ้นไม่ยอมวิ่ง พอขายก็เด้งใส่หน้า บางคนซื้อแล้วลงก็ติดดอย ซึ่งการที่เราเข้าซื้อหุ้นผิดจังหวะผิดตัวมักจะทำให้นักลงทุนที่ขาดประสบการณ์ ประสบต่อภาวะขาดทุนเสมอๆ
สิ่งเหล่านี้จะหมดไปถ้าเรารู้จักกับ 3 สิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะเข้าทำการซื้อหุ้นในแต่ล่ะตัว ซึ่งได้แก่
จุดเข้าซื้อ การที่เราจะเข้าซื้อหุ้นสักตัวนั้นสิ่งสำคัญลำดับแรกเราต้องมีจุดเข้าซื้อที่ได้เปรียบ ซึ่งจุดดังกล่าวมักจะอยู่ที่แนวรับ หรือแนวเบรกเอาต์ทะลุแนวต้าน เป็น 2 จุดหลักๆ ที่ควรจะทำการเข้าซื้ อและนักลงทุนควรจะรู้ด้วยว่าหุ้นที่จะทำการเข้าซื้อนั้นอยู่ในช่วงเทรนด์ขาขึ้นไซด์เวย์ หรือเทรนด์ขาลง เพื่อจะได้ทำการหาจุดได้เปรียบได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทั้งนี้ มีนักลงทุนมือใหม่มักเข้าซื้อหุ้นโดยที่ยังไม่เคยลองหาจุดเข้าซื้อที่ได้เปรียบ รีบร้อนเข้าซื้อหุ้นเพราะกลัวตกรถ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ได้ต้นทุนของราคาหุ้นในจุดที่ไม่ได้เปรียบ และโอกาสในการทำกำไรจะน้อยลง
จุด stop Loss หลายๆ คนเข้าซื้อหุ้นโดยยังไม่เคยคิดว่าการเข้าลงทุนซื้อหุ้นแต่ละครั้งนั้นมีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับอยู่ หรือบางคนมีจุด Stop Loss แต่ไม่ยอมทำตาม หรือบางคนมีจุดตัดขาดทุนที่สั้นเกินไปทำให้โดน Stop Loss บ่อยๆ ขาดทุนกันไป ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับนักลงทุนที่ยังมี Mindset ไม่แข็งพอที่จะทำตามระบบที่วางไว้เองได้ทำให้ไม่สามารถจำกัดขาดทุนได้เท่าที่ควรจะเป็น
ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในแต่ลงครั้งเราควรจำกัดความเสียหายไว้ที่ไม่เกิน 2-5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด ตัวอย่างเช่น พอร์ตการลงทุน 1 แสนบาท การเข้าซื้อในแต่ละครั้งควรขาดทุดได้ไม่เกิน 2,000-5,000 บาท แล้วแค่ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ สิ่งสำคัญของการ stoploss คือ การมีวินัยและทำตามระบบโดยตัดเรื่องจิตใจออกไป
จุดขายและการคำนวน Risk Reward Ratio เมื่อเราได้จุดซื้อที่ได้เปรียบ และคำนวณ Stop Loss เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายนั่นก็คือ การหาจังหวะขายโดยอาจจะเป็นการขายที่แนวต้านถัดไป หรือใช้ Fibonanci วัดเป้าราคาที่คาดว่าจะไปถึงเมื่อมีราคาขายที่ต้องการแล้วให้นำกลับมาคำนวณดูว่าอัตราเสี่ยงขาดทุนต่ออัตรากำไร (Risk Reward Ratio) เป็นกี่เท่า เช่น เข้าซื้อหุ้นที่ราคา 1 บาท ต้องการ Stop Loss ที่ 90 สตางค์ โดยมีจุดขายที่ 1.30 บาท Risk Reward Ratio จะได้เท่ากับ กำไร/ขาดทุน คือ 30/10 = 3 เท่า โดยทั่วไปแล้วอัตราส่วนนี้ไม่ควรจะต่ำกว่า 2 เท่า จึงจะมีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน หรือเก็งกำไร
ท้ายที่สุดเมื่อเรามี 3 สิ่งที่เราจะต้องรู้ก่อนเข้าซื้อหุ้นแล้วน่าจะช่วยให้นักลงทุนตัดปํญหาสำคัญๆ ที่เป็นปัญหาของนักลงทุนมือใหม่ที่ได้กล่าวมาข้างตันออกไปได้ และสามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้อย่างยั่งยืน และสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ต้องอย่าลืมวินัยในการทำตามระบบที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพราะวินัยในการเทรดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้นเช่นกัน
วเรศร์ พงศ์ฐิติเทพ โค้ชทีม Wind Ranger
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง