พรีเมียร์ อินน์ฯ เชนบริหารโรงแรมอังกฤษ ประกาศขายพอร์ตโรงแรมเมืองท่องเที่ยวในประเทศไทย และอินเดีย เผย รร.เด่น กรุงเทพฯ และพัทยา เพื่อนักลงทุน และอีก 5 เมืองในอินเดีย นิวเดลี, เชนไน, บังกาลอร์, ปูเน่ และกัว พร้อมแต่งตั้ง “เจแอลแอล” เป็นตัวแทนการขายด้วยวิธีการเปิดรับเสนอราคาจากนักลงทุนที่สนใจซื้อจากทั่วโลก
รายงานข่าวแจ้งว่า พรีเมียร์ อินน์ฯ เชนบริหารโรงแรมจากประเทศอังกฤษ ประกาศแต่งตั้ง “เจแอลแอล” เป็นตัวแทนขายโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย และประเทศอินเดีย โดยโรงแรมที่เสนอขายในประเทศไทย ประกอบด้วย 2 โรงแรม จำนวนห้องพักรวม 388 ห้อง โดยเป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งรวมของสถานที่ชอปปิ้ง และสถานบันเทิง โดยมีกำหนดจะสร้างเสร็จในช่วงกลางปี 60 และโรงแรมในเมืองพัทยา ใกล้ถนนพัทยาสายสอง ซึ่งเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว และอยู่ไม่ไกลจากหาดต่างๆ ศูนย์การค้า และถนนคนเดิน
ทั้งนี้ สำหรับสองโรงแรมเป็นโรงแรมที่ชาวต่างชาติสามารถครอบครองกรรมสิทธิ์ได้เต็ม 100% เนื่องจากได้รับสิทธิพิเศษจากกรมส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment) ซึ่งต่างจากกรณีทั่วไปที่ต่างชาติไม่สามารถครอบครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ในไทยได้เกิน 49% ส่วนพอร์ตโรงแรมที่พรีเมียร์ อินน์ เสนอขายในประเทศอินเดีย มีจำนวนห้องพักรวม 583 ห้อง ตั้งอยู่ใน 5 เมือง ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเมืองที่ตลาดโรงแรมมีผลประกอบการดีที่สุดในอินเดีย และเป็นหนึ่งในการเสนอขายพอร์ตโรงแรมรายการใหญ่ที่สุดที่เคยมี
นายไมค์ แบ็ทเชเลอร์ กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมภาคพื้นเอเชียของเจแอลแอล กล่าวว่า เจแอลแอล คาดว่าจะมีนักลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนไทย และนักลงทุนจากเอเชียให้ความสนใจโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ ที่เสนอขายเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้อยครั้งที่จะมีพอร์ตโรงแรมขนาดใหญ่ และคุณภาพระดับนี้เสนอขายในตลาด นอกจากนี้ โรงแรมที่เสนอขายทั้งหมดพร้อมให้ผู้ซื้อสามารถเข้าครอบครองได้ และแต่งตั้งเชนบริหารโรงแรมอื่นให้เข้ามาบริหารตามต้องการได้ในทันที”
นอกจากนี้ แนวโน้มภาคการท่องเที่ยวของไทย และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วของอินเดีย จะเป็นปัจจัยที่ทำให้การขายพอร์ตโรงแรมของพรีเมียร์ อินน์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 59 ยอดรวมจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะขยายตัวสูงขึ้นเป็นประมาณ 33.8 ล้านคน ในขณะที่คาดว่าในปีนี้อินเดียจะยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกที่อัตรา 7.6% ต่อปี
นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมภาคพื้นเอเชียของเจแอลแอล กล่าวว่า “จากการที่ธุรกิจโรงแรมของอินเดียกำลังเข้าสู่ระยะเริ่มต้นของช่วงขาขึ้น ประกอบกับนักลงทุนระหว่างประเทศประเภทสถาบันกลับเข้ามาสนใจลงทุนในโรงแรมที่อินเดีย ดังนั้น เชื่อว่าการเสนอกรรมสิทธิ์ขาดโรงแรมที่เป็นสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ในหัวเมืองชั้นนำของอินเดีย โดยพรีเมียร์ อินน์ ในครั้งนี้จะมีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมแข่งขันเสนอซื้อเป็นอย่างมาก