เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ออกแถลงการณ์ในวันอังคาร(13 ก.ย) ให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบหลังปัญหาการแย่งน้ำระหว่างรัฐกรณาฏกะและรัฐทมิฬนาฑูกลายเป็นความรุนแรง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน เมืองบังกาลอร์ ซิลิคอนแวลลีฝั่งตะวันออก ถูกสั่งใช้กฎหมายเคอร์ฟิว
เอเอฟพีรายงานวันนี้(13 ก.ย)ว่า ตำรวจอินเดียจำนวนมากถูกส่งออกไปยังท้องถนนที่ว่างเปล่าทั่วเมืองบังกาลอร์ ศูนย์กลางไอที รัฐกรณาฏกะ เพื่อบังคับใช้กฎหมายเคอร์ฟิว หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงในการประท้วงเมื่อวานนี้(12 ก.ย) มีการทำลายข้าวของ ใช้ก้อนหินเป็นอาวุธ รวมไปถึงจุดไฟเผารถ
พบว่ามีผู้ประท้วง 1 รายเสียชีวิตในวันจันทร์(12 ก.ย) หลังจากตำรวจปราบจลาจลอินเดียยิงม็อบที่กำลังพยายามจุดไฟเผารถตำรวจ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียระดับสูงให้ข้อมูลกับเอเอฟพี และในวันนี้(13 ก.ย)มีชายอีกคนเสียชีวิตในโรงพยาบาลเนื่องจากทนจากการบาดเจ็บไม่ไหวหลังก่อนหน้านี้พบว่าชายผู้นี้หลบหนีการไล่สลายการประท้วงจากตำรวจปราบจลาจลที่มีกระบองเป็นอาวุธ
นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ได้กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดจากปัญหาการแย่งน้ำระหว่างรัฐกรณาฏกะและรัฐทมิฬนาฑูว่าเป็นสิ่งที่ “น่าวิตก” และร้องขอให้ทั้งเมืองจงใช้ความอดทน ซึ่งเมืองบังกาลอร์แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นซิลิคอนแวลลีฝั่งตะวันออก มีสำนักงานของไมโครซอฟต์และอเมซอนตั้งอยู่
“ความขัดแย้งสามารถหาทางออกได้ภายในกรอบของกฎหมายเท่านั้น และการฝ่าฝืนกฎหมายไม่ใช่ทางเลือก” โมดีแถลงผ่านทวิตเตอร์ และยังกล่าวต่อว่า “ความรุนแรงและการวางเพลิงที่เกิดขึ้นใน 2 วันที่ผ่านมา มีแต่ทำร้ายคนยากจน และต่อทรัพย์สินประเทศของเรา”
การประท้วงเกิดขึ้นหลังจากศาลสูงอินเดียออกคำพิพากษาให้รัฐกรณาฏกะ ที่มีเมืองบังกาลอร์เป็นเมืองเอกทำการปล่อยน้ำให้กับรัฐทมิฬนาฑูเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาการขาดน้ำภายในรัฐทางใต้ของอินเดีย
ด้านซิดดาราเมยา( Siddaramaiah) มุขมนตรีรัฐกรณาฏกะ ประกาศจะปกป้องชีวิตชาวทมิฬนาฑูจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในรัฐของเขา หลังจากกลุ่มม็อบที่เกรี้ยวกราดโจมตีรถที่ติดป้ายทะเบียนรัฐทมิฬนาฑู
เอเอฟพีรายงานต่อว่า กฎหมายเคอร์ฟิวถูกบังคับใช้ใน 15 เขตทั่วเมือ’บังกาลอร์เพื่อรักษาความสงบและป้องกันเหตุร้ายในช่วงเทศกาลอิดของชาวมุสลิม ผู้บัญชาการตำรวจเมืองบังกาลอร์ เอ็น. เอส. เมการ์ริกห์( N.S Megharikh)กล่าวกับรอยเตอร์
ด้านรัฐมนตรีมหาดไทยประจำรัฐกรณาฏกะ จี ปาราเมชวาร์(G. Parameshwar)กล่าวว่า มีผู้ประท้วงจำนวน 300 คนถูกจับกุมเนื่องมาจากความรุนแรง ที่ทำให้สำนักงานและร้านค้าต่างๆต้องหยุดชั่วคราว
ส่วนอเมซอนของสหรัฐฯในเมืองบังกาลอร์ และบริษัทคู่แข่งฟลิปคาร์ต( Flipkart) ต่างให้ความเห็นยอมรับว่า การบริการของบริษัทต้องประสบปัญหา ซึ่งพบว่ามีบางบริษัทสั่งให้พนักงานทำงานจากบ้าน
โดยโฆษกอเมซอนในเมืองบังกาลอร์แถลงกับเอเอฟพีว่า “ทางเราจะกลับมาให้บริการให้เร็วที่สุด”
ทั้งนี้เมืองบังกาลอร์มีความสงบเกิดขึ้นในวันอังคาร(13 ก.ย)แต่ทว่ามีกลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวบนไฮเวย์ตลอดระยะทางราว 150 กม.จากเมืองเอกของรัฐกรณาฏกะไปจนถึงเมืองไมซอร์( Mysore)
“ความหนักอึ้งของความยุติธรรมได้เล่นงานพวกเราเมื่อทางรัฐถูกสั่งให้ปล่อยน้ำเพิ่มเพื่อการเกษตรในรัฐทมิฬนาฑู แต่ในขณะที่เรากลับไม่มีน้ำเพียงพอ แม้กระทั่งสำหรับดื่มเพราะฝนแล้ง” ปราวิช เชตตี(Pravish Shetty) ผู้จัดการประท้วงเปิดเผยกับทีวีท้องถิ่น
และนอกจากนี้ยังพบว่า การบริการรถประจำทางสาธารณะระหว่างรัฐทั้งสองได้รับผลกระทบ มีการสั่งระงับการให้บริการชั่วคราว ซึ่งผู้ให้บริการจากรัฐทมิฬนาฑูได้ให้ข้อมูลว่า รถประจำทางของทางบริษัทถูกเผาทำลายนอกเมืองบังกาลอร์
โดยราเจช นาตาราจัน( Rajesh Natarajan) ผู้อำนวยการบริหารบริษัท KPN Tours & Travels กล่าวว่า “มีกลุ่มที่ไม่สามารถระบุชื่อบุกเข้ามาภายในที่ตั้งเขตลานจอดรถของทางบริษัท และใช้น้ำมันหรือน้ำมันก๊าดจุดไฟเผาทำลายไปทั้งหมด 30 คัน”