SUPER เปิดแผนงานโค้งสุดท้ายปีนี้ คาดสรุปซื้อโรงไฟฟ้าในจีน-ญี่ปุ่น จำนวน 1-2 แห่ง เชื่อดันยอด COD แตะ 1 พัน MW ตามเป้า ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 กระฉูด 328.37%
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้แล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ 1-2 แห่งในประเทศญี่ปุ่น และจีน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ทำให้มั่นใจว่า ยอด COD ภายในปีนี้จะแตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่วางไว้
อีกทั้งยังเตรียมขยายการลงทุนในพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น พลังงานลม และพลังงานชีวมวล ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอด COD ในปี 60 เพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ ส่งผลให้แนวโน้มรายได้ และกำไรในปีหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยในไตรมาส 3/59 แบบเบ็ดเสร็จ (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59) มีรายได้รวม 1,157,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.12 พันล้านบาท หรือ 3,376.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 89.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 312.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 448.82 ล้านบาท หรือ 328.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 136.68 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/59 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ/หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทย่อย เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 109 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 675.90 เมกะวัตต์ ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทย่อยของบริษัทเพียง 8 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 28.95 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ในไตรมาส 3/59 บริษัทมีกำไรขั้นต้น จำนวน 727.889 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/58 บริษัทมีกำไรขั้นต้น จำนวน 35.163 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 692.726 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,970.04%
"สาเหตุที่ทำให้รายได้ และกำไรในช่วงไตรมาส 3/59 เติบโตอย่างโดดเด่น เพราะบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดี และมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วประมาณ 675 เมกะวัตต์ จากที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) อยู่ประมาณ 770 เมกะวัตต์ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมรองรับการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการหารายได้ในอนาคต"
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 11 พ.ย.59 มีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัทในประเทศญี่ปุ่น และเขตการปกครองพิเศษฮ่องกง เพื่อเป็นการรองรับการขยายงานในโครงการผลิตไฟฟ้าในต่างประเทศ โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศญี่ปุ่น 4 บริษัท และในฮ่องกง จำนวน 2 บริษัท โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัทในประเทศญี่ปุ่น 4 บริษัท ถือหุ้น 100% โดย SUPER ENERGY GROUP (HONG KONG) Co.,Ltd. ส่วนการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัทในฮ่องกง 2 บริษัท ถือหุ้น 100% โดย SUPER ENERGY GROUP (HONG KONG) Co.,Ltd
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัท อพอลโล่ โซลาร์ จำกัด (APL) ซึ่งถือหุ้น 49% ของทุนจดทะเบียน โดย บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SSE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ขายหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท สยาม โซลาร์ จำกัด (SS) จำนวน 356,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 44.50% ของทุนจดทะเบียน และทุนชำระแล้วใน SS ในราคาขายหุ้นละ 125 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 44,500,000 บาท ให้กับบริษัท ลาภทวีทรัพย์ จำกัด
สำหรับกระแสเงินสดที่ได้รับจากการจำหน่ายเงินลงทุนจะช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องให้แก่ APL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียน ราคาในการจำหน่ายเงินลงทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทน 6.23% ของเงินลงทุน โดย APL สามารถรับรู้กำไรได้ทันทีที่ทำรายการ และช่วยลดภาระ และค่าใช้จ่ายในการจัดทำงบการเงินรวมของบริษัท โดย APL จะรับรู้กำไรเท่ากับ 2,608,875.18 บาท เงินที่ได้รับจากการจำหน่ายเงินลงทุนนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของ APL