“ปูนซีเมนต์นครหลวง” เผยงวด 9 เดือน รายได้รวมจะสูง 24,975 ล้านบาท จากอานิสงส์ยอดขายจากกิจการที่ศรีลังกา แต่ตลาดในประเทศกลับซบเซา ยอดขายลดลงร้อยละ 3 ตามภาวะตลาด และเศรษฐกิจ และค่าใช้จ่ายรวมสูงขึ้น มีผลกำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 3,037.59 ล้านบาท เช่นเดียวกับไตรมาส 3 มีสภาพไม่ต่างกัน ส่วนธุรกิจในเครือ “คอนวูด” น่าพอใจด้วยรายได้ 347 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 8
นายศิวะ มหาสันทนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC กล่าวว่า ผลประกอบการสำหรับ 9 เดือนของปี 2559 บริษัทยอดขายสุทธิเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในกิจการที่ศรีลังกา ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2559 อย่างไรก็ตาม ยอดขายในประเทศลดลงร้อยละ 3 ในช่วงเวลาเดียวกัน เนื่องจากราคาปูนซีเมนต์ และสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวลง อีกทั้งความต้องการของตลาดก่อสร้างที่ชะลอตัวลง
โดยผลกำไรใน 9 เดือนที่ผ่านมา ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลงทุนในกิจการต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายจากการปิดเตาเผา ค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3
อนึ่ง ตามข้อมูลที่บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ได้ระบุว่า ในงวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้จากการขาย และบริการสุทธิ 24,793.147 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 23,712.329 ล้านบาท มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 64.607 ล้านบาท รายได้อื่นๆกว่า 111 ล้านบาท มีรายได้รวม 24,975.683 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันที่ 23,773.244 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขค่าใช้จ่ายรวม 20,736.402 ล้านบาท เทียบกับ 19,046.62 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 3,037.59 ล้านบาท เทียบกับที่มีกำไรสุทธิในงวด 9 เดือน 3,621.15 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3 บริษัท มีรายได้รวม 8,829.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเทียบกับงวดเดียวกันปี 58 ที่ 7,431.27 ล้านบาท รวมค่าใช้จ่าย 7,927.40 ล้านบาท มีกำไรสำหรับงวดไตรมาส 3 เท่ากับ 456.31 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3 ปี 58 มีกำไรสุทธิ 822.546 ล้านบาท
นายศิวะ กล่าวต่อถึงกิจกรรมของธุรกิจในกลุ่มปูนซีเมนต์ ว่า ปริมาณการขายซีเมนต์ในประเทศของกลุ่มบริษัทสำหรับ 9 เดือน ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม บ่งชี้ว่า ปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศในระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2559 ลดลงร้อยละ 1 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว หรือเทียบเท่ากับ 25.8 ล้านตัน ความต้องการในตลาดที่ลดลงนี้มีผลมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้การลงทุน และการบริโภคของภาคเอกชนลดลง ขณะเดียวกัน ยังไม่มีการดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด ซึ่งประกอบด้วยอินทรีคอนกรีต และอินทรีอะกรีเกต มีปริมาณการขายคอนกรีตผสมเสร็จสำหรับ 9 เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 แม้ว่าราคาขายยังลดลงอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตของตลาดคอนกรีตผสมเสร็จในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งผลให้อินทรีอะกรีเกต มีแนวโน้มการเติบโตในทางบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์หินทรายขนาด 20 มิลลิเมตร กล่าวโดยสรุป อินทรีอะกรีเกต มีปริมาณการขายสำหรับ 9 เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และการมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
ยอดขายสำหรับ 9 เดือนของอินทรีซุปเปอร์บล๊อก เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาสินค้าที่ขยับตัวสูงขึ้น แม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ผลประกอบการของอินทรีซุปเปอร์บล๊อก ในไตรมาส 3 ยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับผลประกอบการในไตรมาสก่อน
บริษัท คอนวูด จำกัด น่าพอใจด้วยรายได้ 347 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์เด่นๆ ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดส่งออกในไตรมาสที่ 3 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ไม้ตกแต่งพื้นคอนวูด และ ผลิตภัณฑ์ไม้ตกแต่งผนังคอนวูด
“ความต้องการปูนซีเมนต์ยังคงลดลง และอาจจะแค่ทรงตัวในปี 2559 เป็นอย่างดีที่สุด การลดลงของความต้องการในตลาด บวกกับสภาวะที่กำลังการผลิตล้นตลาด ส่งผลให้ราคาซีเมนต์ในประเทศปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม บริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศบังคลาเทศ และประเทศศรีลังกา ได้ช่วยบรรเทาสภาวะอุปทานส่วนเกินของธุรกิจซีเมนต์ และสร้างผลกำไรให้แก่กลุ่มบริษัทอย่างมาก”