ปูนซีเมนต์นครหลวง แจงผลการดำเนินงานปี 58 กำไร 4,579 ล้านบาท ลดลง 10% ขณะที่รายได้ 31,481 ล้านบาท ลดลง 2% จากปี 57 ชี้สาเหตุหลักความต้องการในประเทศลด ฉุดราคาขายปรับลดตาม
นายวรเทพ รางชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2558 ของบริษัทเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 45 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการผลิตเต็มกำลังการผลิต และการบริหารต้นทุน การผลิตที่มีประสิทธิภาพ การลงทุนในสินทรัพย์อุตสาหกรรม รวมถึงการปรับลดลงของราคาพลังงานในตลาดโลก นอกจากนี้ รายได้อื่นซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาท ยังส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความต้องการภายในประเทศ และราคาขายที่ปรับตัวลดลงจากอุปสงค์ที่ลดลงของธุรกิจหลัก ส่งผลให้ยอดขาย 31,481 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปี 57 ที่มียอดขาย 32,238 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปูนซีเมนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหิน และอัตราค่าไฟที่ลดลง นอกจากนี้ การดำเนินงาน และการลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดหาที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตลดลง ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ในอัตราร้อยละ 44 ทั้งที่ปัจจัยภายนอกไม่เอื้ออำนวย กำไรสำหรับปีได้ปรับลดลงในอัตราร้อยละ 10 อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท จากปี 57 ที่มีกำไร 5,082 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้น รวมทั้งรายได้ที่ลดลงจากบริษัทในกลุ่ม แม้จะได้รับการชดเชยจากรายได้อื่นซึ่งไม่ใช่รายได้หลักของบริษัทแล้วก็ตาม (คิดเป็นร้อยละ 1.2) อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในอัตราร้อยละ 6 จากการบริหารเงื่อนไขการชำระเงินของลูกค้า และคู่ค้าให้เกิดความสมดุลกัน รวมทั้งการบริหารสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
การลงทุนหลักของบริษัทในปีนี้ประกอบด้วย การก่อสร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งใหม่ในประเทศ กัมพูชา ซึ่งมีกำลังการผลิต 5,000 ตันต่อวัน การขยายกำลังการผลิตของหม้อบดปูนซีเมนต์ ที่ โรงงานสระบุรี รวมถึงโครงการอินทรีสมาร์ท ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลที่ทันสมัยในการบริหารจัดการองค์กร (SAP HANA) ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558
ในขณะที่สถานการณ์ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 เนื่องจากความต้องการที่ลดลงตามฤดูกาลของกิจกรรมการก่อสร้าง ส่วนภาพรวมก็ยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้กระทบต่อการส่งออก ประกอบกับราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น และความล่าช้าของโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการของตลาดที่ลดลงในอัตราร้อยละ 2 ตลอดปี 2558 นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาพลังงานที่ลดต่ำลง ส่งผลให้ราคาขายปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในส่วนของตลาดปูนซีเมนต์ตามแนวชายแดนทั้งกัมพูชา พม่า และลาว ยังคงมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดใน 3 ประเทศนี้ไว้ได้ โดยได้มีการเพิ่มการส่งออกปูนเม็ดจากปีที่แล้วในอัตราร้อยละ 47 เพื่อช่วยแบ่งเบาสภาวะปูนซีเมนต์ล้นตลาดภายในประเทศ
“อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าตลาดปูนซีเมนต์จะเติบโตแบบปานกลางในไตรมาสแรกของปี 2559 และคงไม่ได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วจนกว่าจะมีการเริ่มก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของรัฐบาล ส่วนปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ยังคงล้นความต้องการของตลาดภายในประเทศ โดยเฉพาะจากการเพิ่มกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายใหม่ ดังนั้น นโยบายหลักของบริษัท คือ ดำเนินการผลิตด้วยต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ พร้อมทั้งรักษาคุณภาพ และส่วนแบ่งการตลาด โดยการสร้างสรรค์คุณค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าของเรา” นายวราเทพ กล่าว
นายวราเทพ กล่าวต่อว่า ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 เนื่องจากความต้องการที่ลดลงตามฤดูกาลของกิจกรรมการก่อสร้าง ส่วนภาพรวมก็ยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้กระทบต่อการส่งออก ประกอบกับราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น และความล่าช้าของโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการของตลาดที่ลดลงในอัตราร้อยละ 2 ตลอดปี 2558 นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาพลังงานที่ลดต่ำลงส่งผลให้ราคาขายปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในส่วนของตลาดปูนซีเมนต์ตามแนวชายแดนทั้งกัมพูชา พม่า และลาว ยังคงมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดใน 3 ประเทศนี้ไว้ได้ โดยได้มีการเพิ่มการส่งออกปูนเม็ดจากปีที่แล้วในอัตราร้อยละ 47 เพื่อช่วยแบ่งเบาสภาวะปูนซีเมนต์ล้นตลาดภายในประเทศ
คอนกรีตผสมเสร็จ และอะกรีเกต
บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด ซึ่งประกอบด้วย อินทรีคอนกรีต และอินทรีอะกรีเกต ยังคงมีการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อินทรีคอนกรีต มียอดขายที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ และการขยายตัวของหน่วยผลิตของบริษัท (Foot Print Expansion) อย่างไรก็ตาม รายได้ของคอนกรีตลดลงในอัตราร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากราคาขายที่ลดลง
อินทรีอะกรีเกต มียอดขายที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 36.2 เนื่องจากการปรับปรุงโรงงานที่สุพรรณบุรีได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว รวมทั้งหน่วยงานอินทรีอ่างทองมีการดำเนินการผลิตครบระยะเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ การปรับปรุงโรงงานส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้าภายใน (อินทรีคอนกรีต) และภายนอก ดังนั้น รายได้จากการขายของอินทรีอะกรีเกตจึงเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
คอนวูด (ธุรกิจวัสดุทดแทนไม้)
ยอดขายของบริษัท คอนวูด จำกัด ในปี 2558 ลดลงร้อยละ 8.3 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากโครงการก่อสร้างใหม่ชะลอตัวลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมากจากภาวะซบเซาของตลาด ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลงร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ชุดนาโนคัลเลอร์ และคอนวูดเดค-ที-ล็อค ซึ่งมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้าในการใช้ตกแต่งให้มีความสวยงามจากสีสันของผลิตภัณฑ์ และติดตั้งง่าย จึงทำให้ประหยัดเวลา และสะดวกในการติดตั้ง
อินทรีอีโคไซเคิล (ธุรกิจบริหารจัดการของเสียอย่างครบวงจร)
บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงที่ก่อตั้งขึ้นล่าสุด เพื่อดำเนินกิจการสานต่อจากธุรกิจเดิมที่ชื่อ จีโอไซเคิล บริษัทให้บริการด้านการบริหารจัดการของเสียอย่างครบวงจรผ่านวิธีการเผาร่วมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเตาเผาปูนซีเมนต์ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
อินทรีซุปเปอร์บล๊อก (ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา)
ยอดขายของบริษัท อินทรี ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเติบโตในส่วนของสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น ทับหลังสำเร็จรูป และผนังสำเร็จรูปเสริมแรงที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดประเภทนี้ เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดทำให้ต้องมีการปรับลดราคาลงเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งส่งผลต่อรายได้จากการขายที่ลดลงในอัตราร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อน