ซุปเปอร์บล๊อก เดินหน้าเข้าลงทุนโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 12 โครงการ กำลังการผลิตรวม 48.2 เมกะวัตต์ ใช้เงินกว่า 1.2 พันล้านบาท บิ๊กบอส “จอมทรัพย์ โลจายะ” ประกาศลั่นพร้อมขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศเต็มเหนี่ยว หนุนยอด COD ทะลุเป้า 1,000 MW ก่อนขยับเป็น 2,000 MW ในปี 60 ดันรายได้-กำไร โตก้าวกระโดด
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซลาร์ เอนเนอร์ยี จำกัด หรือ SSE บริษัทย่อยเข้าซื้อขายหุ้นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 48.20 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนการลงทุน 49% ของทุนจดทะเบียนจำนวน 5 รายการ รวมเป็นเงินลงทุน 1,256.24 ล้านบาท
สำหรับสินทรัพย์ทั้ง 5 รายการ ซึ่งประกอบด้วย 1.บริษัท ไอ คิว เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด, บริษัท ไอ คิว โซล่า จำกัด, บริษัท เอ ไอ คิว เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด, บริษัท ไอคิว กรีน จำกัด, บริษัท แอสต้า พาวเวอร์ จำกัด ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 และผู้ขายได้ทำการโอนหุ้นมาให้กับบริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SSE) ซึ่งเป็นผู้ซื้อ โดยได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นกับกระทรวงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 4 ตุลาคม 2559
“ผมยืนยันเป้าหมายในปีนี้โรงไฟฟ้าทั้งหมดในกลุ่มจะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) เพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ เพราะที่ผ่านมา เราลุยงานอย่างเต็มที่ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หรือแม้แต่การเข้าไปประมูลจากหน่วยงานราชการ และการร่วมมือกับพันธมิตร ดังนั้น ก็จะเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดไปจนถึงปี 2560 ที่ตั้งเป้าหมาย COD ที่ 2,000 เมกะวัตต์” นายจอมทรัพย์ กล่าว
ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า ทั้งใน และต่างประเทศ เนื่องจากความต้องการยังมีสูง ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งยังคงเดินหน้าเข้าศึกษาเพื่อเข้าลงทุนในโซลาร์ฟาร์ม และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV อย่างต่อเนื่อง ทั้งกัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2559 คาดว่า จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2/2559 เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเข้ามาในปริมาณที่เพิ่มขึ้นมาก
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อย และเดินเครื่องจ่ายไฟ (COD) ได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2559 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมาย
อนึ่ง ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว รวมประมาณ 675 MW จากที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) อยู่ประมาณ 770 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าหมาย COD ที่วางไว้ 1,000 เมกะวัตต์ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ในปี 2560