ที่ประชุมคณะกรรมการ กนง.วันนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี เป็นไปตามที่ตลาดคาดได้คาดการณ์เอาไว้ แนะภาคเอกชนเตรียมรับมือความผันผวนของตลาดการเงิน เตรียมปรับเป้าจีดีพี ในวันที่ 21 พ.ย.นี้
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยผลการประชุม กนง. ครั้งที่ 7/2559 วันนี้ โดยระบุว่า ที่ประชุม กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดย กนง.ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่องในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้า แม้มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายใน และต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น แต่ยืนยันยังไม่มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจัยบวกที่เป็นแรงหนุนจากแนวโน้มการส่งออกที่เริ่มกลับมาเป็นบวกดีขึ้นตามลำดับ โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และสมาร์ทโฟน ขณะที่ผลกระทบจากมาตรการจัดระเบียบผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ คาดจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง 200,000 คนในปีนี้ ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยเป็นเรื่องที่ กนง.ให้ความสำคัญ และติดตามใกล้ชิด เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทย
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศจะเป็นเรื่องของพัฒนาการตลาดเงินจากปัจจัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินให้มีความผันผวน โดยสิ่งที่ กนง.เป็นห่วง คือ ภาคเอกชนที่จะต้องปรับตัวรับความผันผวนระยะสั้นของเงินทุนเคลื่อนย้าย และอัตราแลกเปลี่ยนที่จะมีความผันผวนได้ ส่วนระยะยาวอาจจะต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายด้านเศรษฐกิจ และการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ก่อน จึงจะมีการประเมินภาพรวม และผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง
ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับทรงตัว การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดี ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยสินเชื่อกลุ่มเอสเอ็มอี และหนี้ภาคครัวเรือนยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากคุณภาพหนี้ของกลุ่มดังกล่าวด้อยลง และความไม่แน่นอนของปัญหาภาคการเงินในยุโรป และจีน ยังเป็นปัจจัยที่น่ากังวล และอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม วันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 จะมีการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/2559 ซึ่งจะเป็นข้อมูลในการประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ และปีหน้าต่อไป