“เคเอเอ็นฯ” น้องใหม่วงการอสังหาฯ งัดที่ดินแลนด์แบงก์ย่านรามอินทรา-กทม.โซนเหนือ ผุดบ้านจัดสรร-คอมมูนิตีมอลล์ ประเดิมโครงการแรก “อีส พาร์ค” คอมมูนิตีมอลล์ ขนาด 7,000 ตร.ม. ปากซอยมัยราบ
นายธัชชัย ศีลพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี๊ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหม่ที่เข้าสู่ธุรกิจนี้ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีประสบการณ์มาจากการทำงานในบริษัทอสังหาฯรายใหญ่มากว่า 6 ปี โดยมีแผนการลงทุนในระยะ 3 ปีหลังจากนี้จะเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายเป็นหลัก อาทิ โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ระดับกลาง-บน โครงการอสังหฯ เพื่อการพาณิชย์ อาทิ คอมมูนิตีมอลล์ โดยช่วงแรกจะนำที่ดินสะสมของครอบครัวมาพัฒนา โดยมีที่ดินสะสมในย่านรามอินทรา 3-5 แปลง และย่านกรุงเทพฯ โซนเหนือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งขณะนี้มีโครงการที่เตรียมพัฒนา 4 โครงการ รวมมูลค่า 450 ล้านบาท
ล่าสุด เปิดตัวโครงการแรก “ease park” บนพื้นที่ 3.5 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา กม.4.5 ปากซอยมัยราบ ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัว พื้นที่ก่อสร้างประมาณ 7,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยร้านค้าประมาณ 13 ร้าน และ kios 4 ร้าน (รวม 17 ร้าน) ชั้น 1 เป็น Villa market และร้านกาแฟแบรนด์ Starbucks ที่เป็นแบบ Drive thru
ส่วนชั้น 2 เป็นโซนของร้านอาหาร ซึ่งมีอาหารหลากหลายชนิดมากกว่า 10 ร้านดัง และส่วนพื้นที่ชั้น 3 เป็นส่วนของ Health, Bueaty and Lifestyle ซึ่งประกอบไปด้วย Fitness คลินิคเสริมความงาม ร้านทำผม และ Nail spa และยังจัดให้เป็นโซนร้านนั่งชิลเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนอีกด้วย รวมมูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้เช่า 80% คาดว่าจะเต็มพื้นที่ในปลายปี 2559 และพร้อมเปิดให้บริการได้ในต้นเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุน 7 ปี และในปีแรกจะมีรายได้ประมาณ 40 ล้านบาท
“รามอินทรา เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการพัฒนาโครงการในรูปแบบดังกล่าว และจากสถิติพบว่า มีรถยนต์ผ่านหน้าโครงการไม่ต่ำกว่า 200,000-300,000 คัน/วัน โดยรามอินทรา ถือว่าเป็นทำเลที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด มีถนนตัดใหม่หลายเส้นทาง มีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นมากมาย อนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู วิ่งผ่านอีกด้วย” นายธัชชัย กล่าว
นายธัชชัย กล่าวต่อว่า ในไตรมาส 3 ปี 60 บริษัทเตรียมนำที่ดินสะสมย่านรามอินทรา กม.4.5 ขนาด 2-3 ไร่ มาพัฒนาเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ราคาประมาณ 5-7 ล้านบาท จำนวน 10 กว่ายูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 70 ล้านบาท และปี 2561 จะพัฒนาแนวราบอีก 2 โครงการ ซึ่งอาจจะเป็นทั้งในรูปแบบบ้านเดี่ยว ราคา 10 กว่าล้านบาทขึ้นไป หรือทาวน์โฮม ระดับกลางพรีเมียม
ทั้งนี้ ในระยะสั้น 3-5 ปี บริษัทฯ จะเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัย ย่านรามอินทรา เป็นหลัก โดย 3 ปีแรก วางแผนพัฒนา 4 โครงการมูลค่าลงทุน 450 ล้านบาท และอนาคตหลังจาก 5 ปี มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดฯ สูงเกิน 8 ชั้น ย่านใจกลางสุขุมวิท ราคาประมาณ 200,000 บาท/ตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการมองหาที่ดินรองรับการพัฒนา
“แนวทางการหาที่ดินจะเป็นที่ดินขนาดเล็ก 2-3 ไร่ เน้นดีไซน์ที่ฉีกแนว และมีพื้นที่ใช้สอยที่มาก จำนวนยูนิตน้อย และปิดการขายเร็ว เพื่อที่จะไม่ต้องแข่งกับผู้ประกอบการรายใหญ่ คาดว่าในปี 2560 บริษัทจะมีรายได้จากคอมมูนิตีมอลล์ และทาวน์โฮม รวม 70 ล้านบาท” นายธัชชัย กล่าว