xs
xsm
sm
md
lg

“เวิลด์แบงก์” เผยอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของไทยดีขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจาก FB WORLD BANK
ธนาคารโลก เผยรายงานอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของไทยดีขึ้น 3 อันดับ อยู่ที่ 46 ของโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน โดยมีการปรับปรุงดีขึ้น 5 ด้าน ส่วนนิวซีแลนด์ ครองอันดับที่ 1

นายอูลริค ซาเกา ผู้อำนวยการธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประจำประเทศไทย กล่าวถึงรายงานผลการวิจัยของประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ (Doing Business 2017) โดยระบุว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยไทยได้รับการปรับจากอันดับที่ 49 เป็นอันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 23

โดยไทยมีผลคะแนนรวมทุกด้านที่ 72.53 คะแนน และมีผลการจัดอันดับด้านดีขึ้น 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจจากอันดับ 96 มาเป็นอันดับที่ 78 การเริ่มต้นทำธุรกิจในไทยสะดวกขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบกลางในการดำเนินการเริ่มต้นธุรกิจที่ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ผ่านระบบออนไลน์ หรือ Biz portal ด้านการได้รับสินเชื่อ จากอันดับที่ 97 มาเป็นอันดับที่ 82 โดยบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ได้จัดทำคะแนนเครดิต (Credit Scoring) แก่สถาบันการเงิน ทำให้สามารถสืบค้นเพื่อการวิเคราะห์สินเชื่อได้ง่าย

ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน จากอันดับที่ 36 มาเป็นอันดับที่ 27 ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง จากอันดับที่ 57 มาเป็นอันดับที่ 51 ซึ่งกรมบังคับคดี ได้พัฒนาระบบ e-filing ให้สามารถยื่นคำร้องขอชำระค่าใช้จ่ายผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งอำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจ รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจ และประชาชน เช่น พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 และด้านการแก้ไขการล้มละลาย จากอันดับที่ 49 มาเป็นอันดับที่ 23 ซึ่งมีการแก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลาย (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2558 ทำให้ลดระยะเวลา และขั้นตอนในการบังคับคดีล้มละลายลง และพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2558 ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยการปรับปรุงบริการภาครัฐที่ธนาคารโลกถือว่าเป็นการปฏิรูปที่สำคัญมี 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นการทำธุรกิจ ด้านการได้รับสินเชื่อ และด้านการแก้ปัญหาล้มละลาย

นายอูลริค กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศดียิ่งขึ้นได้ ด้วยการให้ความสำคัญกับการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ดีขึ้น นอกจากนี้ การดำเนินการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การพัฒนาแรงงานให้มีทักษะผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพ รวมถึงเรื่องการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ยังช่วยให้คนไทยมีงานทำเป็นงานที่ดีขึ้นด้วย

สำหรับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 5 อันดับแรก ในรายงาน Doing Business 2017 ได้แก่ อันดับ 1 นิวซีแลนด์ อันดับ 2 สิงคโปร์ อันดับ 3 เดนมาร์ก อันดับ 4 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และอันดับ 5 เกาหลีใต้ โดยอินโดนีเซีย และบรูไน ดารุสซาลาม เป็น 2 ประเทศ ที่มีการปฏิรูปมากที่สุด ซึ่งอินโดนีเซีย ได้ทำการปฏิรูป 7 เรื่อง และบรูไน ดารุสซาลาม ได้ดำเนินการปฏิรูป 6 เรื่อง

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับที่ดีขึ้น มาจากการที่ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือผลักดัน และลดปัญหา และอุปสรรคในการประกอบธุรกิจให้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังต้องเร่งในการพัฒนาบริการให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับต้นๆ ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น