xs
xsm
sm
md
lg

“ทีเอ็มบี” มองเครื่องยนต์ ศก.ทุกด้านมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น ขณะที่ต้องระวังความเสี่ยงนอกประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


TMB มองเศรษฐกิจปี 60 โตต่อเนื่อง 3.5% พร้อมปรับคาดการณ์ปีนี้เป็นโต 3.3% จาก 2.8% โดยเครื่องยนต์ทุกด้านมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น และมองว่ามีหลายอุตฯ ที่ปัจจุบันมีความพร้อม และมีศักยภาพที่จะต่อยอดการพัฒนาให้ก้าวสู่ยุค 4.0 ได้ไม่ยาก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการฟื้นตัวของ ศก.โลก และความไม่แน่นอนของทิศทางการเมืองของประเทศ ศก.หลักที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนในภูมิภาค

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) บมจ.ธนาคารทหารไทย เปิดเผยมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 60 เติบโตได้ต่อเนื่องราว 3.5% จาก 3.3% ในปีนี้ โดยเครื่องยนต์ทุกด้านมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น และมองว่ามีหลายอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันมีความพร้อม และมีศักยภาพที่จะต่อยอดการพัฒนาให้ก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้ไม่ยาก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงความไม่แน่นอนของทิศทางการเมืองของประเทศเศรษฐกิจหลักที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนในภูมิภาค ขณะที่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะมีทิศทางดีขึ้น แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังคุณภาพสินเชื่อในอุตสาหกรรมการผลิต และสินเชื่อที่อยู่อาศัย

ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังคงขยายตัวต่อเนื่อง หนุนด้วยเศรษฐกิจจีนที่แม้จะเติบโตช้ากว่าในอดีตจากการปฏิรูปเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่มีการเติบโตดี ฝั่งสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงมีประเด็นการเลือกตั้งที่อาจสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมือง ด้านยูโรโซน ยังคงถูกรุมเร้าจากความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ควบคู่กับปัญหาการเมืองที่อาจเกิดจากการเลือกตั้งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี ทำให้ภาพการฟื้นตัวเป็นไปอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่ยังคงเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อหดตัวสะท้อนนโยบายอาเบะโนมิกส์ ยังไม่ประสบความสำเร็จ จำเป็นที่จะใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 60

สำหรับเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยการบริโภคภาคเอกชนได้แรงหนุนเพิ่มจากรายได้ภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้น การลงทุนภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง จากมาตรการเร่งเบิกจ่ายโครงการลงทุนขนาดเล็กที่มีมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาทให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 59 เช่นเดียวกับภาคส่งออกที่คาดว่า จะขยายตัวเป็นบวกอ่อนๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ทั้งปี 59 มูลค่าส่งออกหดตัวเพียง 1.8% ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 59 ขยายตัวที่ 3.3% จากเดิมคาดที่ 2.8%

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 60 มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.5% โดยทุกองค์ประกอบมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยบวกจากการบริโภคสินค้าคงทนเริ่มกลับมา และรายได้เกษตรกรมีแนวโน้มดีขึ้นจากปัจจัยด้านผลผลิตเป็นหลัก

โดยในส่วนของการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นเครี่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในส่วนรถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนราว 2 แสนล้านบาทในปีนี้ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังเหลือการเบิกจ่ายในส่วนที่เป็นวงเงินสินเชื่อราว 1.7 แสนล้านบาท อาทิ โครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SMEs โครงการบ้านประชารัฐ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นเช่นกัน แม้จะยังเป็นระดับที่ต่ำก็ตาม โดยเป็นผลบวกเชื่อมโยงจากการลงทุนภาครัฐ และภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ 2.3% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้านำโดยตลาดอาเซียน โดยเฉพาะ CLMV ที่คาดว่า มีแนวโน้มสดใสอย่างชัดเจน จากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ตลาดหลักอย่าง จีน ยุโรป ญี่ปุ่น ยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างการผลิตของจีน ที่จะส่งผลลบต่อสินค้าไทยไปจีน ไม่น้อยกว่า 66%

ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะลดความร้อนแรงลงจากปีที่ผ่านๆ มา แต่ตลาดอื่นๆ ทั้งยุโรป อาเซียน ขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดจะอยู่ที่ 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 6%

ด้านตลาดการเงิน ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีแนวโน้มทรงตัวที่ 1.5% ณ สิ้นปี 59 ไปจนถึงกลางปี 60 และมีแนวโน้มปรับขึ้นเป็น 1.75% ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามอัตราเงินเฟ้อที่ทยอยปรับสูงขึ้น และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ต่อเนื่องในปี 2560 ซึ่งทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าเล็กน้อยจากปัจจุบันถึงปลายปี แต่จะแข็งค่ากลับในปี 60 โดย ณ สิ้นปี 60 คาดว่าจะแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเงินทุนไหลเข้าในภูมิภาค และเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นจากการมีเลือกตั้งในช่วงปลายปี

จากทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ภาพรวมของภาคธนาคารพาณิชย์ปี 2560 มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น โดยสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวที่ 6.3% เร่งตัวขึ้นจากสินเชื่ออุปโภคบริโภคและสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคก่อสร้าง และการค้า ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน สำหรับด้านเงินฝาก มีแนวโน้มเติบโตที่ 4.3% ตามการขยายตัวของสินเชื่อ และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องสร้างฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ด้านคุณภาพสินเชื่อ เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (% NPL ratio) คาดว่าจะปรับสูงขึ้นจาก 2.76% ณ สิ้นปี 59 มาแตะจุดสูงสุดที่ 2.96% ในไตรมาสที่สองของปี 60 ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักร NPL ที่จะทยอยปรับสูงขึ้น หลังเศรษฐกิจชะลอตัว โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพด้อยลงส่วนใหญ่เป็นภาคอุตสาหกรรมการผลิต และสินเชื่อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี คุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 60 สอดคล้องกับภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 59

นอกจากนี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตดีในปีหน้า ประกอบด้วย ธุรกิจการแพทย์ การขนส่งและลอจิสติกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารแปรรูป ซึ่งจัดเป็นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีความพร้อม และมีศักยภาพในการยกระดับการพัฒนาให้สูงขึ้น หรืออีกนัยหนึ่ง คือ สามารถก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้ก่อนกลุ่มอื่นๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์เกษตรและเกษตรแปรรูป อาหารและเครื่องดื่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบัน กระบวนการผลิตยังต้องได้รับการพัฒนาเพื่อเข้าสู่เทคโนโลยีขั้นสูงก่อน ผู้ประกอบการจึงต้องเร่งปรับตัวให้เข้าเทรนด์โลก โดยมีภาครัฐเข้ามาสนับสนุนผ่านการให้สิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ และการส่งเสริม R&D มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น