ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับเพิ่มจีดีพีของไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.3% จากเดิมที่คาดไว้ 3.0% ระบุการลงทุนภาครัฐ-ส่งออกดีขึ้น ส่วนน้ำท่วมยังมีผลกระทบในวงจำกัด
นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็นเติบโตร้อยละ 3.3 จากเดิมคาดโตร้อยละ 3 หลังจากเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกโตร้อยละ 3.4 ส่วนครึ่งปีหลัง คาดว่าเติบโตร้อยละ 3.3 แม้ว่าจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก แต่ยังคงรักษาระดับการเติบโตของจีดีพีได้เกินร้อยละ 3 ในแต่ละไตรมาส
สำหรับปัจจัยสนับสนุนมาจากการลงทุนภาครัฐที่จะมีความคืบหน้าชัดเจนไตรมาส 4/2559 เช่น การเปิดซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีเหลือง และการประกวดราคารถไฟทางคู่เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร และมาบกะเบา-ชุมทางจิระ รวมถึงการประกวดราคาสัญญาที่เหลือของโครงการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา, บางใหญ่-กาญจนบุรี และการต่อขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐปีนี้โตร้อยละ 11.5 รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และอาจมีมาตรการเศรษฐกิจเพิ่ม แต่การลงทุนภาคเอกชนยังขับเคลื่อนตัวได้ช้า โดยปรับลดอัตราการเติบโตการลงทุนภาคเอกชนเหลือขยายตัวร้อยละ 1.3 จากเดิมร้อยละ 2.3
ส่วนการท่องเที่ยวอาจจะชะลอตัวไตรมาส 4 เนื่องจากการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีน ลดลงไป 300,000 คน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท สัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 0.1 ส่งผลให้การท่องเที่ยวไตรมาส 4 อาจจะโตเพียงตัวเลขหลักเดียว แต่ภาพรวมการท่องเที่ยวยังถือเป็นตัวสนับสนุนเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 10.4 ในปีนี้
ขณะที่ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม คาดว่ายังอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากกระทบเฉพาะพื้นที่เกษตรกรรมในบางจังหวัด และเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปี หากน้ำท่วมไม่ขยายวงกว้างเหมือนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ผลกระทบจะมีไม่มาก ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท และไม่มีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
ด้านการบริโภคในประเทศ คาดว่ายังชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีก่อน ซึ่งปีก่อนมีมาตรการชอปช่วยชาติ กระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน แต่หากเทียบกับประมาณการครั้งก่อน การบริโภคดีขึ้นเล็กน้อย ขยายตัวร้อยละ 2.7 จากเดิมคาดโตร้อยละ 2.1 หลังจากรายได้เกษตรกรเริ่มกลับมาฟื้นตัว เพราะภัยแล้งคลี่คลาย
ขณะที่การส่งออกยังหดตัวร้อยละ 1.8 แต่สถานการณ์ดีขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนที่คาดว่า หดตัวร้อยละ 2 ส่วนปี 2560 การส่งออกจะขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.8 แต่การส่งออกยังมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญความเปราะบางจากเศรษฐกิจโลก ขณะที่การแข่งขันในตลาด CLMV รุนแรง การส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ลดลงร้อยละ 3.8 ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา โดยคู่แข่งสำคัญ คือ มาเลเซีย
ด้าน นายเชาวน์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ผลการโต้วาทีชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ยกแรกที่นางฮิลลารี คลินตัน ได้คะแนนิยมสูงกว่า พบว่า ตลาดเงิน และตลาดทุนให้การตอบรับ เนื่องจากเห็นว่านโยบายของนางฮิลลารี คลินตัน มีความแน่นอนมากกว่า และไม่สุดโต่งเหมือนกับนายโดนัลด์ ทรัมป์
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด คงไม่ได้นำผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงิน โดยจะคำนึงถึงผลทางเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งคาดว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในเดือนธันวาคมนี้ และจะทยอยปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2560