EXIM BANK สนับสนุนทางการเงิน “เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” เพิ่มอีก 3,360 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น หลังเข้าเยี่ยมชมโครงการที่อนุมัติวงเงินสนับสนุนรอบแรก “อนาวิล จิรธรรมศิริ” เผยหนุน CHOW ขยายฐานธุรกิจพลังงานคล่องตัวขึ้น หลังลงทุนต่อเนื่อง 2 ปีขายไฟแล้ว 23.5 เมกะวัตต์
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงาน ประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งใน และต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK เพิ่มอีกจำนวน 9,880 ล้านเยน หรือจำนวน 3,360 ล้านบาท
สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่คณะผู้บริหารจากธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมชมโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินชุดแรก ทำให้มั่นใจในการทำงานของ CHOW GROUP และได้อนุมัติวงเงินชุดใหม่ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจพลังงานภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทย่อย บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ขยายธุรกิจตามแผนงานได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
“ปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นอยู่ในช่วงเร่งขยายการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน โดยได้อนุมัติรับซื้อไฟจากพลังงานหมุนเวียนแล้วถึง 75,000 เมกะวัตต์ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่กลุ่ม CHOW เร่งจะขยายการลงทุนด้านพลังงานในประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับเราถือเป็นกลุ่มนักลงทุนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยปัจจุบัน โครงการของบริษัทฯ ขายไฟในเชิงพาณิชย์แล้วถึง 23.5 เมกะวัตต์ และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราได้รับโอกาสทางธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ความไว้วางใจจากคู่ค้า และสถาบันการเงิน จนทำให้ต้นทุนทางการเงินเริ่มลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการสนับสนุนวงเงินของ EXIM BANK ในครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ CHOW GROUP ขยายธุรกิจด้านพลังงาน รองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้มั่นใจว่า CHOW จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพลังงานได้อย่างชัดเจนตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอนาวิล กล่าว
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า จนถึงปัจจุบัน EXIM BANK สนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้ในการขยายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของกลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล รวมแล้วกว่า 47 MW ซึ่งเมื่อรวมกับกำลังการผลิตปัจจุบันที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว จะทำให้กลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 70 MW โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่น ปัจจุบันที่ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ ภายหลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองฟุกุชิมา ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 24% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าภายในปี 2573 ทั้งนี้ ปัจจุบัน สัดส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ ชีวมวล และความร้อนใต้พิภพยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 12% จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทยที่จะขยายการลงทุนด้านพลังงานในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล ถือเป็นกลุ่มนักลงทุนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น มานานกว่า 2 ปี และมีเป้าหมายขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่น เป็นระยะเวลา 20 ปี ขณะที่ EXIM BANK มีนโยบายส่งเสริม และสนับสนุนให้นักลงทุนไทยขยายฐานการลงทุนไปยังต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมโลกอย่างยั่งยืน