“นิวส์” ขย่ม ก.ล.ต.ใช้อำนาจตามประกาศฉบับที่ 8/2553 ปลด “สุทธิชัย หยุ่น” กับพวก 8 คนพ้นบอร์ดเนชั่น ทันที หลังทั้งหมดตกเป็นจำเลยคดีอาญาขัดขวางผู้ถือหุ้นบางส่วนเข้าประชุมผู้ถือหุ้น ระบุขาดคุณสมบัติ และเป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ ต้องห้ามเป็นกรรมการบริษัท
บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ได้ส่งหนังสือด่วนถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้ดำเนินการทางปกครอง ปลด นายสุทธิชัย หยุ่น กับพวกอีก 8 คน พ้นจากกรรมการ และผู้บริหารบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG) หลังจากพนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายสุทธิชัย หยุ่น และพวก เป็นคดีอาญาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ นายสุทธิชัย และกรรมการอีก 8 คน เข้าข่ายลักษณะบุคคลที่ขาดความน่าไว้วางใจที่จะเป็นกรรมการหรือผู้บริการบริษัทจดทะเบียนตามประกาศของ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553
ทั้งนี้ นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของ NEWS ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับ นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา, นายปกรณ์บริมาสพร, นายเชวง จริยะพิสุทธิ์, นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ, นางสาวเขมกร วชิรวราการ, นายพนา จันทรวิโรจน์, นางสาวดวงกมล โชตะนา, นายเสริมสิน สมะลาภา และนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น หลังเชื่อได้ว่า ทั้งหมดได้ร่วม หรือมีส่วนร่วมห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุ มประจำปี NMG ถือว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญาอย่างชัดแจ้ง ซึ่ง ก.ล.ต.ในฐานะหน่วยงานของรัฐมีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มาตรา 19(2) ในการกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติ และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ แต่ ก.ล.ต.กลับไม่ได้เร่งรัดดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง เป็นเหตุให้ผู้ถือหุ้นจำเป็นต้องออกมาปกป้องสิทธิของตนด้วยตนเอง โดยการแจ้งความร้องทุกข์
ต่อมาพนักงานอัยการได้มีคำสั่งยื่นฟ้อง นายสุทธิชัย และพวก เป็นคดีอาญาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2559 ในข้อหา และความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 4, มาตรา 98/7 และมาตรา 281/2 รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติ บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 4, มาตรา 33, มาตรา 85 วรรค 1, มาตรา 102, มาตรา 104 และมาตรา 105 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องแล้ว
ในหนังสือของนิวส์ ได้ระบุว่า แม้กรณีที่นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กับพวก ถูกดำเนินคดีอาญา อันเนื่องจากกรณีที่ “ผู้ถือหุ้น” เป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษ มิใช่เป็นกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษเอง แต่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553 ดังกล่าว ย่อมมีผลใช้บังคับกับนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กับพวก ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทมหาชนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก.ล.ต. จึงควรพิจารณาดำเนินการตามที่หน่วยงานได้ออกประกาศคำสั่งด้วย
ทั้งนี้ ประกาศ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553 ได้กำหนดลักษณะที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้เป็นกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชน หรือบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งกระบวนการ และขั้นตอนในการพิจารณาลักษณะที่ขาดความเหมาะสม เพื่อมิให้มีการแต่งตั้งบุคคลที่มีลักษณะไม่เหมาะสมดำรงตำแหน่งที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การบริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น
“ประกาศนี้มีเจตนารมณ์เพื่อสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ต้องให้คณะกรรมการบริษัทต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความสุจริต มีจรรยาบรรณในมาตรฐานสูง เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของบริษัท และผู้ถือหุ้น ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นควรจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ หากกรรมการบริษัทมหาชนบุคคลใดถูกกล่าวโทษ หรือถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง หรือซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 281/2 ย่อมต้องถือว่า เป็นกรณีมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกกล่าวโทษโดย ก.ล.ต. หรือถูกกล่าวโทษโดยบุคคลภายนอก” นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว
ในหนังสือของนิวส์ ยังอ้างถึงการใช้กฎหมาย โดยให้เหตุผลแบบ “ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น” (Argumentum A fortiori) ซึ่งยิ่งต้องทำให้ ก.ล.ต.ต้องปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน โดยหากยึดตามประกาศ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553 จะพบว่า หาก ก.ล.ต.เป็นผู้กล่าวโทษ กรรมการ และผู้บริหารของบริษัทฯ ย่อมขาดความน่าไว้วางใจ และถือว่ามีลักษณะต้องห้าม ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที
“ขนาด ก.ล.ต.เพียงแค่กล่าวโทษ ซึ่งยังไม่แน่ว่า พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ยังถือว่ามีลักษณะไม่น่าไว้วางใจ และขาดคุ ฃณสมบัติไปแล้ว ดังนั้น ในกรณีที่อัยการมีคำสั่งฟ้องคดี นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ต่อศาล และศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง ตามหลัก “ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น” ต้องถือว่า มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ มีลักษณะต้องห้าม และต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหาร NMG ไปด้วยเช่นกัน” นายอารักษ์ฯ กล่าว
นายอารักษ์ กล่าวในตอนท้ายว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการ ก.ล.ต. ที่จะพิจารณาดำเนินการสั่งให้นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กับพวกรวม 9 คน พ้นจากตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหารของบริษัท NMG ในทันที
บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ได้ส่งหนังสือด่วนถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้ดำเนินการทางปกครอง ปลด นายสุทธิชัย หยุ่น กับพวกอีก 8 คน พ้นจากกรรมการ และผู้บริหารบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG) หลังจากพนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายสุทธิชัย หยุ่น และพวก เป็นคดีอาญาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ นายสุทธิชัย และกรรมการอีก 8 คน เข้าข่ายลักษณะบุคคลที่ขาดความน่าไว้วางใจที่จะเป็นกรรมการหรือผู้บริการบริษัทจดทะเบียนตามประกาศของ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553
ทั้งนี้ นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของ NEWS ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับ นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา, นายปกรณ์บริมาสพร, นายเชวง จริยะพิสุทธิ์, นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ, นางสาวเขมกร วชิรวราการ, นายพนา จันทรวิโรจน์, นางสาวดวงกมล โชตะนา, นายเสริมสิน สมะลาภา และนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น หลังเชื่อได้ว่า ทั้งหมดได้ร่วม หรือมีส่วนร่วมห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุ มประจำปี NMG ถือว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญาอย่างชัดแจ้ง ซึ่ง ก.ล.ต.ในฐานะหน่วยงานของรัฐมีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มาตรา 19(2) ในการกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติ และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ แต่ ก.ล.ต.กลับไม่ได้เร่งรัดดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง เป็นเหตุให้ผู้ถือหุ้นจำเป็นต้องออกมาปกป้องสิทธิของตนด้วยตนเอง โดยการแจ้งความร้องทุกข์
ต่อมาพนักงานอัยการได้มีคำสั่งยื่นฟ้อง นายสุทธิชัย และพวก เป็นคดีอาญาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2559 ในข้อหา และความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 4, มาตรา 98/7 และมาตรา 281/2 รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติ บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 4, มาตรา 33, มาตรา 85 วรรค 1, มาตรา 102, มาตรา 104 และมาตรา 105 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องแล้ว
ในหนังสือของนิวส์ ได้ระบุว่า แม้กรณีที่นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กับพวก ถูกดำเนินคดีอาญา อันเนื่องจากกรณีที่ “ผู้ถือหุ้น” เป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษ มิใช่เป็นกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษเอง แต่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553 ดังกล่าว ย่อมมีผลใช้บังคับกับนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กับพวก ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทมหาชนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก.ล.ต. จึงควรพิจารณาดำเนินการตามที่หน่วยงานได้ออกประกาศคำสั่งด้วย
ทั้งนี้ ประกาศ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553 ได้กำหนดลักษณะที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้เป็นกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชน หรือบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งกระบวนการ และขั้นตอนในการพิจารณาลักษณะที่ขาดความเหมาะสม เพื่อมิให้มีการแต่งตั้งบุคคลที่มีลักษณะไม่เหมาะสมดำรงตำแหน่งที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การบริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น
“ประกาศนี้มีเจตนารมณ์เพื่อสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ต้องให้คณะกรรมการบริษัทต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความสุจริต มีจรรยาบรรณในมาตรฐานสูง เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของบริษัท และผู้ถือหุ้น ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นควรจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ หากกรรมการบริษัทมหาชนบุคคลใดถูกกล่าวโทษ หรือถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง หรือซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 281/2 ย่อมต้องถือว่า เป็นกรณีมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกกล่าวโทษโดย ก.ล.ต. หรือถูกกล่าวโทษโดยบุคคลภายนอก” นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว
ในหนังสือของนิวส์ ยังอ้างถึงการใช้กฎหมาย โดยให้เหตุผลแบบ “ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น” (Argumentum A fortiori) ซึ่งยิ่งต้องทำให้ ก.ล.ต.ต้องปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน โดยหากยึดตามประกาศ ก.ล.ต.ที่ กจ.8/2553 จะพบว่า หาก ก.ล.ต.เป็นผู้กล่าวโทษ กรรมการ และผู้บริหารของบริษัทฯ ย่อมขาดความน่าไว้วางใจ และถือว่ามีลักษณะต้องห้าม ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที
“ขนาด ก.ล.ต.เพียงแค่กล่าวโทษ ซึ่งยังไม่แน่ว่า พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ยังถือว่ามีลักษณะไม่น่าไว้วางใจ และขาดคุ ฃณสมบัติไปแล้ว ดังนั้น ในกรณีที่อัยการมีคำสั่งฟ้องคดี นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ต่อศาล และศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง ตามหลัก “ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น” ต้องถือว่า มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ มีลักษณะต้องห้าม และต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหาร NMG ไปด้วยเช่นกัน” นายอารักษ์ฯ กล่าว
นายอารักษ์ กล่าวในตอนท้ายว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการ ก.ล.ต. ที่จะพิจารณาดำเนินการสั่งให้นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กับพวกรวม 9 คน พ้นจากตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหารของบริษัท NMG ในทันที