“โกลเด้นแลนด์” โตสวนกระแส 8 เดือนกวาดยอดขายกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 1.3 หมื่นล้าน จ่อเลื่อนเปิด 3-4 โครงการ หลังผลดำเนินงานทะลุเป้า พร้อมเผยเดินหน้ารุกตลาดทาวน์เฮาส์ต่ำกว่า 2 ล้านบาท หลังคู่แข่งหนีจับตลาดบนเหตุยอดรีเจกต์สูง เชื่อกำลังซื้อยังมีจำนวนมาก
นายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวของไทย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หากผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ก็ยังคงมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง พิจารณาได้จากยอดขายของบริษัทในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 11,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 13,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในช่วง 6 เดือนแรก กว่า 5,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ 20% จากเป้าหมายรับรู้รายได้ทั้งปี 9,011 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเปิดขายโครงการใหม่ไปแล้ว 7 โครงการ จากเป้าหมายทั้งปี 15 โครงการมูลค่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งเหลือโครงการที่ยังไม่ได้เปิดอีก 8 โครงการในระยะเวลา 3 เดือน ทำให้บริษัทมีแผนที่จะเลื่อนเปิดโครงการบางส่วนออกไปเป็นปี 60 แทน ส่วนหนึ่งมาจากกำลังคนไม่เพียงพอต่อการรองรับลูกค้าในช่วงเปิดตัว อีกทั้งยอดขาย และรายได้ยังเกินกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้มาก จึงไม่จำเป็นต้องเร่งเปิดโครงการใหม่ เพื่อสร้างยอดขาย
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนรุกตลาดทาวน์เฮาส์ ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ มีความต้องการสูง ขณะที่การแข่งขันน้อย จึงมีโอกาสเติบโตได้สูง โดยในปี 2560 บริษัทมีแผนจะพัฒนาทาวน์เฮาส์ต่ำกว่า 2 ล้านบาทประมาณ 4 โครงการ ส่วนปีนี้พัฒนา 2 โครงการ
“ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่พัฒนาทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทมีน้อยมาก แม้แต่เจ้าตลาดทาวน์เฮาส์อย่างพฤกษา ก็ขยับขึ้นไปทำบ้านที่มีราคาแพงขึ้น ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ทำให้มีสินค้าเข้าสู่ตลาดน้อย ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนที่ดินปรับสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้น และประเด็นสำคัญอีกประการ คือ ยอดปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มมีอัตราที่สูงบางทำเลสูงกว่า 40% ทำให้ผู้ประกอบการไม่สนใจที่จะลงทุนในตลาดนี้” นายภวรัญชน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทได้พัฒนาทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา 2 โครงการ พบว่ามีกระแสตอบรับที่ดีมาก สามารถปิดการขายในเวลาอันรวดเร็ว ล่าสุด เปิดขายโกลเด้นท์ ทาวน์ ๒ วันที่ 3-4 กันยายนที่ผ่านมา สามารถปิดการขายภายใน 2 วัน ทั้งนี้ ตลาดทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท แม้ยอดปฏิเสธสูง แต่ก็มียอดการซื้อเข้ามาจากลูกค้ารายอื่นๆ แทน ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี 35-40%
ขณะที่ตลาดทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีการแข่งขันที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดหลักทรัพย์ที่หันมารุกตลาดนี้ ทำให้มีการแข่งขันมากขึ้น การขยายตัวทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้ยังคงเป็นตลาดหลักในการพัฒนาของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยคิดเป็นสัดส่วน 70% ของยอดขาย นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนรุกตลาดทาวน์เฮาส์ระดับราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท เนื่องจากมีการแข่งขันต่ำ ลูกค้ามีศักยภาพสูง
นายภวรัญชน์ กล่าวต่อว่า บริษัทวางแผนระยะ 5 ปี มีรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2561 แต่เชื่อว่าปีนี้รายได้จะถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาท เร็วกว่าแผนถึง 2 ปี โดยปัจจัยที่ทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้เร็ว เนื่องจากการสร้างความแตกต่างของการพัฒนาทาวน์เฮาส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ได้แก่ การใช้นวัตกรรมครัวไทยที่แยกจากตัวบ้าน มีส่วนซักรีดแยกออกจากตัวบ้าน นวัตกรรมสวนหลังบ้าน นวัตกรรมโรงหนังส่วนตัว โดยปรับห้องนอนชั้นล่างเป็นห้องดูหนัง ฟังเพลงหรือห้องทำงาน นวัตกรรมห้องพระที่ชั้นลอย นอกจากนี้ โครงการทาวน์เฮาส์ของบริษัทยังให้สาธารณูปโภคเช่นเดียวกับโครงการบ้านเดี่ยว อาทิ สโมสร สระว่างน้ำ ทะเลสาบ อีกทั้งยังมีการออกแบบในสไตล์ที่แตกต่าง เช่น สไตล์อิตาลี อังกฤษ