KTBST มองปัจจัยต่างประเทศยังกดดันตลาดหุ้น ประเมินแนวโน้ม SET Index สัปดาห์นี้น่าจะผันผวนในกรอบ 1,530-1,566 จุด พร้อมระบุตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุด
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (29 ส.ค.-2 ก.ย.) คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวน โดยปัจจัยต่างประเทศยังมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสัญญาณว่า การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 20-21 ก.ย.ยังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ มองว่าทางเฟดพร้อมที่จะขึ้นดอกเบี้ยนานแล้ว แต่ยังติดที่ปัจจัยภายนอก หรือจังหวะเวลาอาจยังไม่เหมาะ อีกทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะเป็นการทำที่ตรงกันข้ามกับหลายๆ ประเทศที่ใช้นโยบายลดดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำไว้ ทำให้เฟดต้องคิดอย่างถี่ถ้วนในการตัดสินใจแต่ละครั้ง
ขณะเดียวกัน จากการให้สัมภาษณ์ของ นาย Stanley Fischer หนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ที่จะดูตัวเลขภาคการจ้างงานประกอบการตัดสินใจ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขขอรับสวัสดิการการว่างงาน และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ (2 ก.ย.) ซึ่งเป็นตัวที่สำคัญที่สุด โดยนักวิเคราะห์คาดว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจะเพิ่ม 180,000 ตำแหน่ง จากเดือนก่อนที่เพิ่ม 255,000 ตำแหน่ง
ดังนั้น ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้คงจะผันผวนจากตัวเลขเหล่านี้ที่จะออกมาในระหว่างสัปดาห์ ส่วนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม จะไปมีผลต่อตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ถัดไป
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ กรอบการเคลื่อนไหวจะถูกตรึงไว้ที่ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากค่าดอลลาร์สหรัฐไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างผิดปกติ การที่มีกรอบการเคลื่อนไหวที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และข่าวสารที่ออกมาว่าผู้ผลิตต่างเห็นพ้องที่จะไม่แข่งกันในเรื่องการผลิต
ดังนั้น หุ้นได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน และหุ้นบริษัทแม่ของกลุ่ม คือ PTT แต่ผู้ผลิตน้ำมันอาจไม่ได้ประโยชน์เท่ากลุ่มแรก เพราะนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่น่าจะใช้ราคาน้ำมันที่ระดับนี้ในประมาณการกำไรอยู่แล้ว
สำหรับปัจจัยในประเทศ มองว่าแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศเป็นกำลังหลักที่จะพยุง และดันดัชนีฯ ให้ปรับตัวสูงขึ้นนั้น แม้ว่ายังมีแนวโน้มที่จะซื้อหุ้นไทยแต่อาจเบาลง เพราะรอดูความชัดเจนในเรื่องดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
ขณะที่ตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ก.ค.ที่ลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถ้าไม่รวมการส่งออกทองคำจะลดลงถึง 8.3%
ทั้งนี้ เป็นการลดลงในกลุ่มสินค้าเกษตรกรรม -18.6% และสินค้าอุตสาหกรรม -0.4% สินค้าหลักๆ ที่ลดลง คือ ยานพาหนะ และชิ้นส่วนฯ เรามองตัวเลขที่ออกมานี้ไปในทางลบ เพราะลำพังการใช้จ่าย-ลงทุนภาครัฐฯ อาจช่วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้ไม่มากนัก
นอกจากนี้ ตลาดผ่านช่วงของการขึ้นเครื่องหมาย “XD” จำนวนมากในสัปดาห์ก่อนไปแล้ว สัปดาห์นี้มีจำนวนที่น้อยลง แต่อาจมีการขึ้น “XD” ของหุ้นใหญ่บางตัว คือ PTT, EGCO, PTTGC และ SCB
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น ในสัปดาห์นี้เล่นได้ยาก จากความผันผวนในแต่ละวัน KTBST แนะให้ลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ “ลงซื้อ ขึ้นขาย” เน้นหุ้นที่ต่างชาติเข้าซื้อสลับตัวเล่น หรือให้เน้นหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัวไว้ก่อน โดยในสัปดาห์นี้ที่มองกรอบแนวรับที่ 1,530 จุด แนวต้าน 1,566 จุด
สำหรับหุ้นที่ บล.KTBST แนะนำในสัปดาห์นี้ ยังแนะหุ้นขนาดใหญ่ ได้แก่ KBANK, PTT หุ้นสายสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มฟื้นตามเศรษฐกิจ ได้แก่ PTTGC, BANPU, RCL, KSL และหุ้นขนาดเล็กที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว ได้แก่ SCI, SVI, THANI, WICE