บอร์ด “กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง” ไฟเขียวลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เคนโตส ที่ญี่ปุ่น กำลังการผลิต 66.78 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 8,391 ล้านบาท “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” เผยการลงทุนในครั้งนี้เพื่อขยายฐานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไปยังต่างประเทศ สอดคล้องกับนโยบายในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำผู้ประกอบธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนระดับนานาชาติ มั่นใจสร้างผลตอบแทนการเติบโตของทรัพย์สิน-กำไรให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น
นางโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 6/2559 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เคนโตส (Kentos) ในญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตของโครงการตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 66.78 เมกะวัตต์ และตามการติดตั้ง 72.80 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่ารวมของโครงการ 8,391 ล้านบาท โดยลงทุนผ่าน Gunkul International (Mauritius) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ (ถือหุ้นในสัดส่วน 100%) และแต่งตั้ง Future Asset Management เพื่อรองรับธุรกรรมในโครงสร้างแบบ TK Structure สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งนับเป็นโครงการที่ 3 ของบริษัทฯ ในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในครั้งนี้ ช่วยส่งเสริมนโยบายของบริษัทฯ ในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในระดับนานาชาติ และมีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด รวมถึงเปิดโอกาสสำคัญให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไปยังต่างประเทศ ส่งเสริมให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตทั้งทรัพย์สิน ผลกำไร และกระแสเงินสด อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตรา 10-15% ตลอดอายุการลงทุน ที่สำคัญกระจายความเสี่ยงของรายได้ของบริษัทฯ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ร่วมกับการใช้เงินทุนหมุนเวียน และเงินสดจากผลประกอบการของบริษัทฯ ที่จะได้รับเป็นปกติในระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าว ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีก่อนจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้
สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 2 โครงการแรก อยู่ระหว่างปิดโปรเจกต์ไฟแนนซ์ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ทำให้ GUNKUL มีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ณ ปัจจุบัน 150 MW มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการลมอีก 2 โครงการ ภายในประเทศ ขนาด 60+50 MW มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมาย 500 MW ภายในปี 2017 พร้อมทั้งเตรียมออกหุ้นกู้เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ