“ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่” อวดกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 160.52 ลบ. สูงขึ้น 13.96% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เดินหน้าลุยโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น วางเป้ากวาด PPA รวม 100 เมกะวัตต์ปีนี้
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 160.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 13.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140.85 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย และการให้บริการจากกลุ่มบริษัทรูฟท็อป ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ได้ครบทั้ง 14 แห่ง ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 3 แห่ง
ในขณะที่ปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายในการทำกำไรสุทธิในปีนี้สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 526.59 ล้านบาท ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ในประเทศไทย รวมทั้งหมด 99 เมกะวัตต์ และจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์โซลาร์ ฟาร์ม สหกรณ์ฯ อีก 1 โครงการ จำนวน 1 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ ในขณะที่ในประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 100 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA แล้ว 42 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้ว 6 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ครบทั้งหมดภายในปี 2560 นอกจากนั้น ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาอีกกว่า 60 เมกะวัตต์
“ผลประกอบการในปีนี้ของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการจ่ายไฟในเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งโซลาร์ ฟาร์ม และโซลาร์ รูฟท็อป รวมถึงการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่นเข้ามา โดยบริษัทฯ ได้เดินหน้าแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ถือว่ามีผลตอบแทนที่น่าพอใจ และยังเป็นการกระจายการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากรายได้ภายในประเทศเท่านั้น” ดร.แคทลีน กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 289.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.63 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 3.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 281.29 ล้านบาท