กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง โชว์ฟอร์มทำผลงานครึ่งปีแรก ปั๊มกำไรสุทธิโต 315.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.62% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 221.53 ล้านบาท เหตุรายได้จากการขาย และรายได้จากการให้บริการยังเติบโตต่อเนื่อง “สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย” ระบุภาพรวมของ GUNKUL ต่อจากนี้ยังคงสดใสตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น พร้อมตอกย้ำความมั่นใจเดินหน้าขยายธุรกิจเพิ่ม ดันผลงานปีนี้โตอย่างต่อเนื่อง
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 315.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 221.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 42.62% ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2559 มีกำไรสุทธิ 198.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 173.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.02%
ทั้งนี้ เนื่องจากงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,496.07 ล้านบาท เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 1,193.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.33% แบ่งเป็นรายได้จากการผลิต และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 419.66 ล้านบาท เนื่องจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในโครงการโซล่ารางเงิน จำนวน 87 เมกะวัตต์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการวายุวินด์ฟาร์ม จำนวน 10 เมกะวัตต์ ใน ไตรมาส 2/2559 ที่ผ่านมา และรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 296.63 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ส่งมอบงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงให้กับลูกค้า และส่งมอบงานก่อสร้างโครงการโซลาร์รูฟให้กับการไฟฟ้านครหลวงเสร็จสิ้นในไตรมาส 2/2559 ที่ผ่านมา ตามสัญญาฯ
ขณะที่รายได้จากการผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าลดลงเป็นจำนวน 434.80 ล้านบาท เนื่องจากการจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการโซลาร์สหกรณ์ และภาคราชการ มีการคัดเลือกผู้ผ่านคุณสมบัติให้ลงนามสัญญา PPA มีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม และเป็นเหตุให้ผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการดังกล่าวมีความล่าช้าในการจัดหาอุปกรณ์ไฟฟ้า ตลอดจนผู้รับเหมาในโครงการด้วยเช่นกัน
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 เท่ากับ 36.75% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 25.99% เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น โดยรายได้ประเภทนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้ประเภทอื่น
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และบริษัทที่ควบคุมร่วมกันเท่ากับ 133.34 ล้านบาท ลดลงจำนวน 12.54 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าของบริษัทร่วม และบริษัทที่ควบคุมร่วมกันลดลง เพราะจากผลกระทบของค่า FT ที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อน
“เชื่อว่าทิศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศยังขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของบริษัทฯ เองยังคงเดินหน้าหางานใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ Backlog เพิ่มสูงขึ้น” ดร.สมบูรณ์ กล่าว