บิ๊กพฤกษาชี้ภาษีที่ดินฯกดราคาที่ลดแน่ 10% หลังมีผลบังคับใช้ คาดเจ้าของที่ผืนงามกลางเมืองกว่า 50% ไม่มีเงินจ่ายภาษีต้องขายทิ้ง เตรียมเพิ่มงบซื้อที่ดินกว่า 2 หมื่นล้านบาท/ปี รองรับ ด้านแผนลงทุนครึ่งปีหลังเดินหน้าเปิด 38 โครงการมูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาท ไม่หวั่นระเบิดป่วนเมืองเชื่อกำลังซื้อยังมีคาดอสังหาฯทั้งปีโต 8%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า ในปี 2560 รัฐบาลเตรียมประกาศใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่มีการปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่ เพื่อให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงจัดเก็บภาษีที่ดินว่างเปล่าสูงถึง 5% ซึ่งอัตราภาษีดังกล่าวจะทำให้เจ้าของที่ดินแปลงที่มีมูลค่าสูงๆในทำเลกลางเมืองกว่า 50% จะไม่มีเงินจ่ายภาษีหรือภาษีจะกลายเป็นภาระหนักของเจ้าของที่ดิน ทำให้กลุ่มนี้จะนำที่ดินออกมาขายเพื่อลดภาระ เมื่อที่ดินถูกนำออกมาขายมากๆ จะทำให้ราคาที่ดินลดลงราว 10% ตามหลักของดีมานด์ - ซับพลาย ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าของที่ดินหลายแปลงนำที่ดินเสนอขายเนื่องจากไม่ต้องการเสียภาษีแล้ว
ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงมีแผนที่จะเพิ่มงบซื้อที่ดินราว 17,000-20,000 ล้านบาท/ปี เพื่อรองรับการลงทุนพัฒนาในอนาคต จากในปี 59 วางไว้ที่ 17,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 8,500 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายแปลงรวมแล้วเกือบ 80% ของงบซื้อที่ดิน
ที่ผ่านมาพฤกษาเคยที่ที่ดินแพงสุดราคากว่า 7 แสนบาทต่อตารางวา เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง และจากการขยายพอร์ตลงทุนในตลาดระดับบนเพิ่มมากขึ้น คาดว่าพฤกษาจะต้องซื้อที่ดินในทำเลใจกลางเมืองที่มีราคาสูงมากขึ้น โดยล่าสุดนายทองมาเปิดเผยว่า มีคนมาเสนอขายที่ดินย่านพร้อมพงษ์ในราคา 1.5 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยังไม่พิจารณาซื้อแต่อย่างใด
นายทองมา กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตราว 8% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการวางระเบิดในเมืองท่องเที่ยวของภาคใต้ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการซื้ออสังหาฯของชาวต่างชาติในระยะสั้น อย่างไรก็ตามตลาดอสังหาฯจะมีปัจจัยบวกจากการลงประชามิติรับร่างรัฐธรรมนูญซึ่งจะทำให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
นอกจากนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆที่เริ่มก่อสร้างจะแล้วเสร็จและทยอยเปิดให้บริการภายใน 6 ปีหลังจากนี้จะช่วยให้ตลาดอสังหาฯในกรุงเทพและปริมณฑลเติบโตขึ้นการพัฒนาขยายออกไปตามแนวรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่และส่วนต่อขยายรวมถึงเส้นทางที่เปิดให้บริการแล้ว ซึ่งคาดว่าตลาดจะเติบโตไม่น้อยกว่า 5-7% ต่อปี หลังจากนี้ไปอีก 6-10 ปีข้างหน้า
ส่วนปัญหาหนี้ครัวเรือนแม้ว่าจะยังอยู่ในระดับสูงแต่ได้ปรับลดลงมาบ้างแล้ว นอกจากนี้โครงการรถยนต์คันแรกที่จะครบกำหนด 5 ปี จะทำให้ภาระหนี้ของประชาชนเริ่มลดลงสามารถกู้ซื้อบ้านได้ ขณะเดียวกันสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำ 1.5% จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้คาดว่าตลาดอสังหาฯในปีนี้จะเติบโตประมาณ 8% มูลค่าตลาดรวม 3.8 แสนล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกตลาดจะติดลบ 4% แต่จากการโหมเปิดโครงการใหม่และการจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายของผู้ประกอบการจะช่วยกระต้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับธนาคารออกโปรโมชั่นการผ่อนชำระบ้านหรือคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้น
ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทเดินหน้าตามแผนการดำเนินงานที่วางเอาไว้ โดยเตรียมเปิดขาย 38 โครงการใหม่มูลค่า 34,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 22 โครงการ, บ้านเดี่ยว 12 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ หลังจากครึ่งปีแรกเปิดไปทั้งหมด 27 โครงการ มูลค่า 19,641 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 51,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่และโครงการเก่าที่อยู่ระหว่างการขาย 168 โครงการ จำนวน 28,349 ยูนิต มูลค่ารวม 76,084 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกสร้างยอดขายไปได้แล้ว 21,635 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% ของเป้าหมาย และคาดว่ารายได้ปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย 53,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอรับรู้รายได้ 23,685 ล้านบาท โดยจะรับรู้ปีนี้ 11,155 ล้านบาท
ส่วนการนำบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้ และพร้อมเดินหน้าเพิ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำจากธุรกิจเช่า (Recurring Income) ทั้งจากธุรกิจบริการและให้เช่า อาทิ ธุรกิจบริหารหลังการขายเพื่อบริหารโครงการของพฤกษาเอง ถือเป็นการให้บริการและเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้าของพฤกษา นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนอสังหาฯให้เช่า อาทิ อาคารสำนักงาน รวมถึงโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุน โดยจะอยู่ใกล้กับอาคารสำนักงาน Pearl Bangkok ย่านอารีย์ บนที่ดินขนาด 8 ไร่ โดยจะแบ่งที่ดินบางส่วนมาพัฒนาเป็นโรงพยาบาล